ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์แบบเสี่ยงตรวจการติดเชื้อ สี่ครั้งผลเป็นลบปิดเคสได้ไหม

  •  armza204
    สมาชิก

    ผมมีเพศสัมพันธ์กับคนเเปลกหน้าเเต่ป้องกันนะครับ เเต่มันก็กังวลผมจึง ลองตรวจเลือดดู ครั้งที่ 1 หลังจาก เหตการณ์ 14 วัน ชุดตรวจจากอินเตอร์เน็ต เเละไปตรวจที่คลีนิกเอกชนครั้ง  ที่ 2 หลังจาก เหตการณ์  17 วัน ไม่ทราบน้ำยา  ที่ 3 หลังจาก เหตการณ์ 30 วัน ไม่ทราบน้ำยา  ลองเปลี่ยนคลีนิก โดย ครั้งที่ 4 หลังจาก เหตการณ์ 35 วัน  น้ำยา gen3 เเละ สุดท้าย 41 วัน น้ำยา gen 4  ทั้งหมด ผลเป็น ลบ ครับ อยากทราบว่าผมผิดเคส ได้หรือยัง

     สวัสดีคะคุณ armza204

    มาสรุปวิธีการเรื่องของการติดเชื้อ HIV ก่อนนะค่ะ

    การตรวจจะแบ่งออกเป็นดังนี้ค่ะ

    1. Antibody tests เป็นการตรวจหา ภูมิที่ถูกสร้างขึ้น จากเชื้อที่มีในร่างกายค่ะ จะต้องรอเวลาประมาณ 3-12 สัปดาห์ที่ภูมิจะขึ้นค่ะ

    2. Combination tests (antibody/antigen tests)  การตรวจอย่างนี้เป็นการตรวจหาทั้งตัวไวรัส และ ภูมิที่สร้างขึ้น อาจจะใช้เวลาประมาณ 2-6 สัปดาห์
    3. NATs คือ การตรวจหาตัวเชื้อไวรัส ใช้เวลา 7-28 วันในการที่จะสามารถหาเชื้อเจอ

    การตรวจที่ทำได้ที่บ้าน

    1. Home Access HIV-1 Test System เป็นการเจาะเลือดแล้วหยอดใส่ชุดตรวจ ซึ่งสามารถตรวจได้เองที่บ้าน การตรวจสามารถบอกได้ใช้เวลาไม่เกินวันค่ะ ถ้าคนไข้ติดเชื้อนะค่ะ ซึ่งการแปลผลดังนี้ค่ะ ถ้าฉีดไปที่ทั้งตัว C,T ติดเชื้อค่ะ แต่ถ้า ไปที่ C อย่างเดียวแสดงว่าไม่ติดเชื่อค่ะ แต่จะต้องเอาเลือดที่ตรวจครั้งนี้ไปตรวจอีกครั้งเผื่อให้แน่ใจว่าไม่ติดเชื้อจริงๆค่ะ เพราะการตรวจนี้เป็นการตรวจแค่การคัดกรองค่ะ มีความไวมากแต่ความจำเพาะยังไม่สูงมากพอค่ะ

    2. OraQuick In-Home HIV Test ให้เอาแปรงเขี่ยเอาเยื่อบุที่ปากเหงือกไปตรวจค่ะ สามารถผลได้ภายใน ยี่สิบนาทีค่ะ

     

    ต้องเรียนอย่างนี้ค่ะ ถ้าผลที่ตรวจออกมาแล้วเป็นลบ และไม่มีประวัติเสี่ยงอีกความน่าจะเป็นในการติดน้อยแล้วค่ะ

    ระยะแรก เรียกว่า การติดเชื้อระยะแรก ( acute HIV infection stage ) ซึ่งระยะนี้ อาการจะเกิดขึ้นได้ ภายใน 2-4 สัปดาห์ ลักษณะอาการจะมีลักษณะเหมือนการติดเชื้อไวรัสทั่วไป จะมาด้วยอาการไข้ ปวดตามตัว เจ็บคอ มีผื่น ปวดตามข้อ ถ้าคุณมีอาการดังต่อไปนี้ควรจะรีบไปพบแพทย์โดยด่วน ซึ่งในกรณีของคุณหมอขอแนะนำว่าคุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยัน ในระยะนี้ไวรัสจะมีจำนวนมากดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ไม่ควรใช้สารเสพติดที่ฉีดเข้าเส้นเลือดโดยใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น

    ระยะต่อมา จะเป็นระยะที่ไวรัสเริ่มจะอาศัยอยู่ในตัวคนไข้ แต่จะไม่แสดงอาการอะไร เรียกว่า clinical latency stage ซึ่งคือจำนวนไวรัสอาจจะไม่ได้มีมากและระยะนี้อาจยาวนานได้ถึง 10 ปี แต่ระยะยังมีการแพร่กระจายของโรคได้

    ระยะสุดท้ายระยะที่เรียกว่า เอดส์ (AIDS)  ซึ่งระยะนี้ระดับภูมิคุ้มกันจะต่ำมากทำให้มีโอกาสติดเชื้อฉวยโอกาสได้ขึ้นอยู่กับจำนวน CD 4 ที่เหลืออยู่

    ปัจจุบันมียาต้านไวรัสหลายกลุ่มให้เรียกใช้ ดังนั้น ถ้าคุณตรวจพบแต่เนิ่น ๆ และ รักษาอย่างรวดเร็ว และไม่เพิ่มภาวะเสี่ยง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์สะอาด และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้คุณสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้

        นอกเหนือจากการติดเชื้อ เอช ไอ วี แล้วคุณควรได้รับการตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ไวรัสตับอักเสบ บี ซี และ โรคซิฟิลิส เป็นต้น