Simvastatin (ซิมวาสแตติน)
Simvastatin (ซิมวาสแตติน) เป็นยาที่นำมาใช้ในการลดระดับคลอเรสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกลีเซอไรด์ในหลอดเลือด ในขณะเดียวกันก็จะเพิ่มระดับคลอเรสเตอรอลชนิดดีด้วย
นอกจากนั้น ยาซิมวาสแตตินยังนำมาใช้เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง และภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับหัวใจในผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ
ยาซิมวาสแตติน จัดว่าเป็นยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์เท่านั้น ใช้ในผู้ใหญ่และเด็กที่อายุ 10 ปีขึ้นไป
เกี่ยวกับยา Simvastatin
กลุ่มยา | ยาลดไขมันในหลอดเลือด |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาภาวะไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่ เด็กอายุ 10 ปีขึ้นไป |
รูปแบบของยา | ยาเม็ด |
คำเตือนเกี่ยวกับยา Simvastatin
- หากมีประวัติแพ้ยาซิมวาสแตติน ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ห้ามใช้ยานี้
- หากกำลังใช้ยาโรคหัวใจ เช่น อะมิโอดาโรน (Amiodarone) ยาแอมโลดิปีน (Amlodipine) ยาดิลไทอะเซม (Diltiazem) ยาเวอราปามิล (Verapamil) ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
- ห้ามใช้ยาซิมวาสแตตินในปริมาณมากหรือเป็นเวลานานกว่าที่แพทย์สั่ง ต้องใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำไว้อย่างเคร่งครัด เพราะการใช้ยานี้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยานี้ หากผู้ป่วยเป็นโรคหรือมีความผิดปกติกับไตหรือตับ มีโรคของต่อมไทรอยด์ เป็นโรคเบาหวาน หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันละ 2 แก้วขึ้นไปเป็นประจำ หรือเป็นคนเอเชีย (อาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อได้ง่าย)
- ห้ามบริโภคผลิตภัณฑ์เกรปฟรุตเมื่อต้องใช้ยานี้ เนื่องจากยาซิมวาสแตตินอาจทำปฏิกิริยากับเกรปฟรุตหรือน้ำเกรปฟรุต ซึ่งอาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่อันตรายได้
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ห้ามใช้ยานี้ เพราะยาซิมวาสแตตินสามารถทำให้เกิดอันตรายหรือความบกพร่องกับเด็กในครรภ์ได้
- แพทย์อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนการรักษา หากผู้ป่วยใช้ยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส ยาไวรัสตับอักเสบ ซี ยาโรคหัวใจ หรือยาที่ใช้รักษาเอชไอวี/เอดส์ เพราะยาบางชนิดเมื่อใช้ร่วมกับยาซิมวาสแตตินสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่งผู้ป่วยจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
- ยาซิมวาสแตติน อาจทำให้เกิดภาวะที่ทำให้เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อลายเสียหายและนำไปสู่ไตวายได้ในที่สุด ซึ่งผู้ใช้ยาควรติดต่อแพทย์หากพบว่ามีอาการเจ็บกล้ามเนื้อหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงโดยหาสาเหตุไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีไข้ รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ และมีปัสสาวะสีเข้ม
- ผู้ที่กำลังใช้ยานี้และทราบว่ากำลังตั้งครรภ์ ควรหยุดใช้ยานี้ทันทีและแจ้งให้แพทย์ทราบ เนื่องจากเป็นยาที่อันตรายต่อทารกในครรภ์ หากจำเป็นต้องใช้ยานี้ควรมีการคุมกำเนิด
ปริมาณการใช้ยา Simvastatin
ยารับประทาน ใช้เพื่อการลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular risk Reduction)
- สำหรับผู้ใหญ่ ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงใช้ปริมาณ 20-40 มิลลิกรัม วันละครั้ง และสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงปานกลางใช้ปริมาณ 10 มิลลิกรัม วันละครั้ง
ยารับประทาน ใช้เพื่อรักษาระดับภาวะไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidaemias)
-
สำหรับผู้ใหญ่ ขนาดรับประทานเพื่อการรักษาเริ่มต้น 10-20 มิลลิกรัม วันละครั้ง
- ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดสูง หรือใช้เพื่อการลดคลอเรสเตอรอลสูง ขนาดรับประทานเริ่มต้น 40 มิลลิกรัม วันละครั้ง อาจปรับปริมาณการใช้ยาในช่วงเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ สูงสุด 80 มิลลิกรัม วันละครั้ง และจะใช้ในมื้อเย็นเท่านั้น
- ผู้ป่วยที่มีปัญหาคลอเรสเตอรอลสูงเนื่องจากพันธุกรรม ใช้ปริมาณ 40 มิลลิกรัม วันละครั้งในมื้อเย็น หรือใช้ปริมาณ 80 มิลลิกรัม แบ่งใช้เป็น 3 มื้อ มื้อละ 20 มิลลิกรัม โดยใช้ 40 มิลลิกรัมในมื้อเย็น
-
สำหรับเด็ก
- ผู้ป่วยที่มีปัญหาคลอเรสเตอรอลสูงเนื่องจากพันธุกรรม อายุ 10-17 ปี ปริมาณที่ใช้เริ่มต้น 10 มิลลิกรัม วันละครั้ง อาจเพิ่มปริมาณขึ้นในช่วงเวลา 4 สัปดาห์ สูงสุด 40 มิลลิกรัมต่อวัน ใช้ในเวลาเย็น
การใช้ยา Simvastatin
ใช้ยาซิมวาสแตตินตามที่แพทย์สั่งเท่านั้นและใช้ยาตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด ห้ามใช้ยานี้ในปริมาณที่มากเกินไปหรือใช้เป็นเวลานานกว่าที่แพทย์แนะนำ เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่มีอันตรายถึงชีวิต
- ยาซิมวาสแตตินจะใช้ในเวลาก่อนนอนหรือมื้อเย็นพร้อมอาหาร หากใช้ยามากกว่าวันละ 1 ครั้ง ให้ใช้ยาพร้อมอาหาร โดยแพทย์อาจเปลี่ยนแปลงปริมาณการใช้ยาเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ผู้ป่วยที่ใช้ยานี้ในการรักษาคลอเรสเตอรอลสูงอาจต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานาน และอาจต้องหยุดใช้ยานี้ในระยะเวลาหนึ่งหากผู้ป่วยต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือมีเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ใด ๆ นอกจากนั้น ผู้ป่วยห้ามหยุดใช้ยาโดยที่แพทย์ไม่ได้แจ้ง
- ผู้ป่วยอาจต้องได้รับการตรวจเลือดบ่อยครั้งในขณะที่กำลังใช้ยา
- เมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมใช้ยาในปริมาณที่กำหนดไว้ ให้ใช้ยาทันทีที่นึกขึ้นได้หากว่าใกล้กับเวลาที่ต้องใช้ยาในเวลาถัดไป และให้ข้ามการใช้ยาในช่วงเวลาที่ลืม ห้ามเพิ่มปริมาณการใช้ยาเองให้มากกว่าปกติเพื่อทดแทนช่วงเวลาที่ขาดไป
- ยาซิมวาสแตตินเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษาที่ยังไม่รวมไปถึงการออกกำลังกายและควบคุมน้ำหนัก ซึ่งผู้ป่วยต้องปฏิบัติตนในด้านอื่น ๆ อย่างเหมาะสมควบคู่กันไป ทั้งการรับประทานอาหาร การใช้ยา และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
-
เก็บยาซิมวาสแตตินไว้ที่อุณหภูมิห้อง (5-30 องศาเซลเซียส)
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Simvastatin
หากพบว่ามีอาการแพ้ยา ได้แก่ ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ปากบวม ลิ้นบวม คอบวม หรือหัวใจเต้นผิดปกติ ให้ติดต่อเพื่อรับการช่วยเหลือทางการแพทย์โดยเร็ว และที่สำคัญยานี้อาจทำให้มีอาการปวดกล้ามเนื้อ อาการกดเจ็บ อ่อนเพลีย หรืออาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับไตที่มาจากปัญหาที่เกิดกับกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง ซึ่งอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ แต่จะพบได้น้อย
ผู้ที่ใช้ยาควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบหากพบว่ามีอาการดังต่อไปนี้
- มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าตับมีปัญหา ได้แก่ คลื่นไส้ ปวดท้องส่วนบน มีอาการคัน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด ตัวเหลือตาเหลือง (ดีซ่าน)
- มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าไตมีปัญหา ได้แก่ ปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะ มีอาการเจ็บหรือปัสสาวะได้ลำบาก มีอาการบวมที่เท้าหรือข้อเท้า และรู้สึกอ่อนเพลียหรือหายใจตื้น
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ยาซิมวาสแตติน ได้แก่
- ปวดศีรษะ
- มีอาการหวัด เช่น เจ็บคอ คัดจมูก จาม
-
ปวดท้อง ท้องผูก คลื่นไส้
อาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นได้นอกเหนือจากนี้ หากผู้ป่วยพบว่ามีความผิดปกติหรือผลข้างเคียงใด ๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาและหาทางแก้ไขต่อไป