การรักษา วัณโรค
การรักษาวัณโรคนั้นสามารถรักษาให้หายได้ โดยการรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การใช้ยา ซึ่งการรับประทานอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอจะช่วยควบคุมและรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ผู้ป่วยก็ต้องมีการดูแลสุขภาพควบคู่กันไปด้วยดังนี้
- หากรู้สึกอยากรับประทานอาหารในปริมาณมาก ๆ ควรแบ่งเป็นมื้อเล็ก ๆ วันละหลาย ๆ ครั้งแทน แทนการรับประทานมื้อใหญ่
- ดื่มเครื่องดื่มแคลอรี่สูงอย่างเช่น โปรตีนเชค เพื่อเพิ่มเติมสารอาหารให้กับร่างกาย
- ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีออกกำลังกายที่เหมาะสม หรือใช้การเดินเพื่อออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 20 นาที หรือแบ่งการออกกำลังกายเป็นครั้งละ 10 นาที 2 ครั้งต่อวัน แล้วค่อย ๆ เพิ่มเวลาขึ้นเท่าที่จะสามารถทำได้ จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น
- พบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
- แจ้งแพทย์ทุกครั้งที่มีอาการของผลข้างเคียงจากการใช้ยา โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับสายตา
- หากผู้ป่วยมีการวางแผนว่าจะย้ายที่อยู่ขณะที่ทำการรักษา ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์เพื่อให้แพทย์ช่วยวางแผน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในการรักษาด้วยการใช้ยา แพทย์อาจใช้ผลการตรวจเพาะเชื้อเสมหะของผู้ป่วยเพื่อพิจารณาว่ายาชนิดใดเหมาะกับผู้ป่วยมากที่สุด และรับประทานอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป โดยยาที่นิยมใช้ในการรักษาวัณโรคได้แก่
- ไอโซไนอาซิด (Isoniazid)
- ไรแฟมพิซิน (Rifampicin)
- อีแทมบูทอล (Ethambutol)
- ไพราซินาไมด์ (Pyrazinamide)
แต่ถ้าหากในการรักษา ผู้ป่วยมีอาการดื้อยา ก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มตัวยาบางชนิดเพื่อใช้ในการรักษา ซึ่งยาที่มักใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยดื้อยาได้แก่ สเตรปโตมัยซิน (Streptomycin) และยาลีโวฟลอกซาซิน (Levofloxacin) เป็นต้น
ทว่ายาที่ใช้ในการรักษาวัณโรคเป็นยาที่มีผลข้างเคียง และผลข้างเคียงก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เนื่องจากยาที่ใช้ในการรักษาวัณโรคจะมีสารที่เป็นพิษต่อตับ ซึ่งในระหว่างการรักษา แพทย์จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิด อาการข้างเคียงทั่วไปที่อาจพบได้ ได้แก่ คลื่นไส้ หรืออาเจียน คัน นอนไม่หลับ แต่จะมีอาการเพียงชั่วคราว แต่ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเหล่านี้
- ความอยากอาหารลดลง
- ผิวซีดเหลือง
- ปัสสาวะมีสีเข้ม
- มีอาการไข้ติดต่อกัน 3 วันขึ้นไปโดยไม่มีสาเหตุ
- หายใจลำบาก
- รู้สึกว่าหน้าท้องมีอาการแข็งหรือบวมผิดปกติ
- มีอาการบวมที่หน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือคอ
- มีปัญหาเรื่องการมองเห็น เช่นเห็นภาพไม่ชัด หรือเห็นสีผิดปกติ
โดยเมื่อพบอาการข้างต้น แพทย์อาจหยุดยาและให้ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจอื่น ๆ เช่น ระดับเอ็นไซม์ของตับ เพื่อกำหนดแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมต่อไป ดังนั้นผู้ป่วยควรสังเกตความผิดปกติของร่างกายอย่างใกล้ชิดในช่วงระหว่างการรักษาด้วยยาเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ป่วยเอง
วัณโรคเป็นโรคที่ต้องมีการติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นในเวลา 1-2 สัปดาห์หลังจากเริ่มรักษา 80% ของผู้ป่วยจะมีอาการดีชัดเจนขึ้นภายใน 3 เดือน และ 90% ของผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นมากหลังจาก 4 เดือน ระยะเวลาในการรักษาผู้ป่วยวัณโรคแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ต้องรับประทานยาติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป โดยมีการตรวจเสมหะและภาพถ่ายเอกซเรย์ปอดเป็นระยะ