ถามแพทย์

  • เลือดออกเป็นสีน้ำตาล ตอนมีเพศสัมพันธ์ แค่วันเดียวก็หาย เป็นอาการอะไร

  •  meenoi015
    สมาชิก

    เลือดออกเป็นสีน้ำตาล ตอนมีเพศสัมพันธ์ แค่วันเดียวก็หายแล้วคับตอนแรกนึกว่าเป็นประจำเดือน อันตรายมั้ยคับ เป็นอาการของอะไรหรอคับ

    สวัสดีค่ะ คุณ meenoi015,

                       เลือดที่ไหลออกมาจากช่องคลอด หลังจากมีเพศสัมพันธ์ อาจเกิดจาก

                       1. เป็นเลือดประจำเดือน หากเป็นช่วงวันที่ประจำเดือนควรจะมา และออกนาน 2-7 วัน และมีปริมาณมากพอสมควร ก็น่าจะเป็นเลือดประจำเดือนได้

                       2. มีการฉีกขาดของเยื่อบุภายในช่องคลอด จากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง หรือมีการใช้สิ่งของสอดใส่ช่องคลอด ซึ่งโดยปกติเลือดที่ออกจะมีปริมาณเพียงเล็กน้อย  และจะเป็นอยู่เพียง 1-2 วัน 

                       3. มีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก เลือดที่ออกมักมีปริมาณไม่มากเช่นกัน

                       4. มีการอักเสบติดเชื้อในช่องคลอดหรือโพรงมดลูก แต่มักมีอาการปวดท้องน้อยและตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย และอาจมีอาการปัสสาวะผิดปกติ มีไข้ อ่อนเพลีย เป็นต้น

                        5. มะเร็งปากมดลูก นอกจากมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มักมีอาการเลือดออกกะปริดกะปรอย ตกขาวมีเลือดปน มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ ปวดท้องน้อย เป็นต้น

                      ดังนั้น หากอยู่ในช่วงที่ประจำเดือนควรจะมา มีปริมาณมากที่ต้องใส่ผ้านอามัย และออกนาน 2-7 วันก็อาจเป็นประจำเดือนก็ได้ แต่หากมีอาการขาดประจำเดือนมาก่อน ก็ควรตรวจหาการตั้งครรภ์ดูด้วย

                       แต่หากไม่ใช่ช่วงที่ประจำเดือนควรจะมา และไม่ได้เกิดจากการใช้ยาฮอร์โมนใดๆ เลือดมีปริมาณไม่มาก ออกเพียง 1 วัน ก็น่าจะเกิดจากการฉีดขาดของเยื่อบุภายในช่องคลอดได้ แต่หากไม่ใช่ช่วงที่ประจำเดือนควรจะมา และมีเลือดออกปริมาณมาก มีปวดท้องน้อย มีตกขาวที่ผิดปกติ ก็ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจค่ะ หรือหากเลือดหยุดไปแล้ว แต่ยังคงมีเลือดออกทุกครั้งหลังขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือเกิดมีอาการเลือดออกกะปริดกะปรอย ก็ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เช่นกัน