ถามแพทย์

  • ปกติมีปวดประจำเดือนมาก ครั้งนี้ได้เริ่มกินยาคุม มีปวดท้องน้อยรุแรง เลือดออกติดต่อกัน 23 วัน เกิดจากยาคุมไหม

  •  นะห์ นะห์
    สมาชิก
    เราแต่งงานและมีเพศสัมพันธ์ช่วงต้นเดือนมิถุนาอะค่ะหลั่งข้างนอก เพราะยังไม่อยากมีบุตร และประจำเดือนเรามาวันที่20มิ.ย.แล้วก็กินยาคุมครั้งแรก ปกติเราเป็นคนปวดท้องประจำเดือนมากอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ประจำเดือนมาก็ปวดเหมือนเดิม แต่พอมาได้3วันเลือดก็หาย ไปประมาน2-3วันอะค่ะ ปวดท้องน้อยอย่างมาก เดินแทบไม่ไหวต้องนอนประคบร้อนอย่างเดียว จนวันนี้เรามีประจำเดือนได้23วันแล้วค่ะ อยากรุ้ว่าเราสามารถไปตรวจภายในได้ไหม เรามีภาวะที่จะเป็นช็อกเเลตซีสต์ไหมคะ รึมดลูกผิดปกติไหม มันเป็นผลค้างเคียงของการกินยาคุมไหมคะแบบนี้ เพราะประจำเดือนมามากและมานานจะเกือบเดือนละค่ะ

    สวัสดีค่ะ ุคณ นะห์ นะห์,

                       หากประจำเดือนมา แล้วได้เริ่มทานยาคุมกำเนิดภายในไม่เกิน 5 วัน นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนมา ยาคุมกำเนิดก็จะออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที

                        อย่างไรก็ตาม หากโดยปกติ มีอาการปวดท้องประจำเดือนมาก และในครั้งนี้ แม้เลือดจะหยุดไหลไปแล้ว แต่อาการปวดประจำเดือนยังไม่หายไป และหลังจากเลือดหยุดไป 2-3 วัน ได้มีเลือดไหลออกมาต่อเนื่อง 23 วันดังกล่าว แนะนำควรหยุดทานยาคุมกำเนิดไปก่อน และลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดูเป็นอันดับแรกค่ะ เพราะอาจเกิดการตั้งครรภ์แล้วมีภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ท้องนอกมดลูก แท้งคุกคาม เป็นต้น

                         หากตรวจไม่พบการตั้งครรภ์ การที่เลือดออกติดต่อกันนาน หากมีปริมาณเล็กน้อย ก็น่าจะเกิดจากผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดได้ อย่างไรก็ตาม แนะนำควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการปวดท้องน้อยมากค่ะ ซึ่งแพทย์อาจตรวจภายในและอัลตราซาวด์ช่องท้องน้อย ซึ่งสาเหตุอาจเกิดได้จาก

                        - เนื้องอกที่มดลูก

                        - เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่

                        - มีซีสต์ที่รังไข่ โดยเฉพาะช็อกโกแลตซีสต์ ซึ่งเกิดจากเซลล์เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ไปที่รังไข่และก่อตัวเป็นถุงน้ำ

                         - พังผืดในช่องท้อง ซึ่งอาจเกิดจากเคยผ่าตัดในช่องท้องมาก่อน หรือเคยมีการอักเสบในอุ้งเชิงกรานมาก่อน

                         - มะเร็งของมดลูก ปีกมดลูก หรือ รังไข่

                         เป็นต้น