ถามแพทย์

  • เป็น PCOS หมอให้ยาปรับฮอร์โมนมากิน กินแล้วประจำเดือนมา แต่พอหยุดยาประจำเดือนไม่มา แล้วมีเลือดออกจางๆ เกิดจากอะไร

  •  AreeyA55
    สมาชิก

    แฟนเป็นโรคPCOS/ผนังมดลูกหนา ทำให้ปกติปจด.จะไม่มา หมอเลยให้ยาปรับฮอร์โมนมากิน วันที่20-30ทุกๆเดือน วันละ2เม็ด พอหยุดกินยาปจด.จะมาภายใน3วัน กินอย่างนี้มาได้หลายเดือนแล้วครับ จะมีช่วงที่หมอให้หยุดกินยา 1 เดือนดูอาการบ้าง แต่ปจด.ก็จะไม่มา พอกลับมากินก็มาปกติ แล้วครั้งนี้หมอบอกให้หยุดยา 3 เดือน ซึ่งปจด.ก็ไม่มาเหมือนเคย แต่ผ่านมาสิบกว่าวันแล้วมีเลือดออกจางๆ วันแรกเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆขนาดเท่านิ้วก้อย วันที่สองก็ใกล้เคียงกัน วันที่สามสีน้ำตาลแดงๆจางๆ แต่ค่อนข้างเยอะนิดนึง จะออกมาแค่ตอนเช็ด ไม่ได้เปื้อนกางเกงนะครับ มีพสพ.ครั้งล่าสุดเมื่อ20วันที่แล้ว ปกติใส่ถุงตลอด+ไม่เสร็จทั้งในและนอก อยากทราบว่าเลือดที่ออกเกิดจากสาเหตุอะไรครับ ขอบคุณครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ AreeyA55,

                        หากได้ตรวจพบว่ามีภาวะถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS) ซึ่งทำให้ร่างกายมีปริมาณฮอร์โมนเพศชายที่มากกว่าปกติ ส่งผลให้ไม่ค่อยมีการตกไข่เกิดขึ้น เยื่อบุโพรงมดลูกจึงหนาตัวขึ้น และไม่ค่อยมีประจำเดือนมา ส่วนการรักษา จะเริ่มด้วยการทานยาปรับฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิด หากไม่ตอบสนองต่อการรักษา ก็อาจต้องใช้การผ่าตัดจี้รังไข่ นอกจากนี้ แพทย์ก็จะให้รักษาอาการอื่นๆ ที่จะพบร่วมในโรคนี้ด้วย เช่น การให้ยาลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน การลดและควบคุมน้ำหนักตัว เป็นต้น

                      ดังนั้น หากได้รับยาปรับฮอร์โมนมาทาน แล้วมีประจำเดือนมา ก็แสดงว่าตอบสนองต่อการยาดี เพียงแต่เมื่อหยุดทาน แล้วกลับไม่มีประจำเดือนมา แสดงว่ายังมีระดับฮอร์โมนที่ยังไม่ปกติ อาจต้องรักษาต่อเนื่องต่อ หรือใช้การผ่าตัดรักษาต่อไปค่ะ

                      สำหรับเลือดสีน้ำตาลแดงจางๆ ที่ออกมา หลังจากที่ไม่มีประจำเดือนมา 3 เดือน ก็น่าจะเป็นประจำเดือนได้ค่ะ ไม่น่าเกิดจากการตั้งครรภ์ เพราะใส่ถุงยางป้องกัน อีกทั้งยังไม่ได้มีการหลั่งน้ำอสุจิเกิดขึ้น แต่หากไม่แน่ใจ ก็อาจลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดูก่อน หากตรวจไม่พบ จะได้ไม่ต้องกังวลค่ะ

                     หลังจากนี้ ก็อาจต้องกลับไปพบแพทย์เพื่อให้การรักษาต่อเนื่องต่อไปค่ะ เพราะหากในอนาคต ต้องการมีบุตร ก็ต้องรักษาภาวะนี้ให้หาย จึงจะสามารถมีลูกได้ค่ะ