ถามแพทย์

  • อายุ 15 ปี อยู่ในช่วงมีประจำเดือน ได้มีเลือดออกมา แล้วหายไป 2 วัน แล้วมีเลือดอีก แล้วหายไปอีก เป็นอะไร

  •  K_2020
    สมาชิก
    คือว่าตอนนี้อยู่ในช่วงมีประจำเดือนนะคะ แล้วก่อนหน้านี้มีเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงนี้นะคะตอนแรกนึกว่าประจำเดือนแต่ซักพักกลับไม่มีเลือดออกอีกเลย2วันต่อมา ก็มีเลือดออกอีกรอบค่ะแล้วก็ไม่มีเลือดออกอีกเลยค่ะ คืออายุ15นะคะ แบบนี้จะเป็นโรคอะไรรึเปล่าค่ะ? หรือเป็นเรื่องปกติค่ะ ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ K_2020,

                        การที่มีเลือดออก แล้วหายไป 2 วัน แล้วมีเลือดออกอีก แล้วหายไปอีก ถือเป็นอาการมีเลือดออกกะปริดกะปรอย โดยอาจเกิดจาก

                       1. หากมีเพศสัมพันธ์ ก็อาจเป็นเลือดจากภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ได้ เช่น แท้งคุกคาม ท้องนอกมดลูก เป็นต้น แต่มักมีปวดท้องน้อยร่วมด้วย

                       2. การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ ซึ่งมักพบได้บ่อยในช่วงวัยรุ่น ที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือนมาไม่นาน มักทำให้ประจำเดือนมาไม่ค่อยปกติได้ค่ะ

                      3. เป็นประจำเดือนที่มาน้อยจากสาเหตุต่างๆ เช่น การมีความเครียด ทำงานหนัก ออกกำลังกายมากไป มีน้ำหนักลด เป็นต้น 

                      4. ผลข้างเคียงจากการใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาคุมกำเนิด ยาสตรี สมุนไพร อาหารเสริมต่างๆ เป็นต้น

                      5. มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนผิดปกติ

                       6. หากเคยมีเพศสัมพันธ์ อาจเป็นเลือดที่เกิดจากมีมดลูกอักเสบได้ แต่มักมีปวดท้องน้อยและตกขาวที่ผิดปกติร่วม

                       ส่วนโรคอื่นๆ มักพบในอายุที่มากกว่านี้ ไม่พบในช่วงวัยุร่น เช่น มีเนื้องอกที่มดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น 

                       ในเบื้องต้น หากที่ผ่านมาได้มีเพศสัมพันธ์ ก็ควรตรวจหาการตั้งครรภ์ดูด้วยค่ะ หากตรวจไม่พบ หรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ก็อาจสังเกตเลือดที่ออกไปก่อน โดยหากหลังจากนี้ ไม่ได้มีเลือดออกมาอีก และเมื่อถึงกำหนดที่ประจำเดือนในรอบต่อไปจะมา ได้มีเลือดออกมาตามปกติ ก็ถือว่าปกติค่ะ ไม่จำเป็นต้องทำอะไร แต่หากหลังจากนี้ ได้มีเลือดกะปริดกะปรอยออกมาอีกเรื่อยๆ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาค่ะ