ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์แล้วฝ่ายชายถอดถุงยาง ตอนนี้กินยาต้านไวรัส HIV อยู่ จะเสี่ยงติด HIV ไหม แล้วจะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆด้วยหรือเปล่า

  •  ประภาสร
    สมาชิก
    มีเพศสัมพันธ์แต่ฝ่ายชายแอบถอดถุงยางรู้ตัวอีกทีก็10วินาทีไปแล้วค่ะ กลัวจะติดHIV เลยไปตรวจที่ รพ ผลออกมาเป็นลบแต่คุณหมอให้ยา Acriptega TABLET มาทานกว่าจะได้ทานก็26 ช.ม. ไปแล้ว คุณหมอบอกให้ทานก่อนนอนเลยไม่ได้รีบทาน ตอนนี้กินมาได้5วันแล้วค่ะ ยามี30เม็ดแต่คุณหมอไม่ได้บอกหรือแจ้งอะไรต่อจากนี้ ความรู้ทุกอย่างหาข้อมูลทางGooogleค่ะ แล้วมีโอกาสติดHIVไหมคะตอนนี้เครียดมาก บอกให้ฝ่ายชายไปตรวจ ถ้าตรวจแล้วถ้าเกิดผลออกมาเป็นลบ หนูจำเป็นต้องกินยาต่อจนครบไหม ระหว่างนี้ไปตรวจหาโรคติดต่อต่างๆเช่น ซิฟิลิส ไวรัสตับบี ซี โรคหนองใน ได้ไหมคะ แล้วหลังจากนั้นทำยังไงต่อคะ ช่วยตอบหน่อยนะคะคุณหมอตอนนี้ทางมืดไปหมดเลยกลัวติดโรคค่ะ (กลัวเพราะฝ่ายชายแอบถอดถุงโดยที่หนูไม่รับรู้ค่ะ)
    ประภาสร  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณ Kanchana

    จากที่กล่าวมา การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย มีโอกาสติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่น HIV ซิฟิลิซ ไวรัสตับอักเสบ หนองในได้

    โดยกรณีที่ต้องการป้องกันการติดเชื้อ HIV หลังมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว อาจต้องใช้ยา PEP หรือยา acriptega ที่รับประทานอยู่

    ยา PEP (Post -Exposure Prophylaxis) คือ ยาต้านไวรัส hiv ที่จ่ายให้ผู้ที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ hiv มาภายใน 72 ชั่วโมงเพื่อลดโอกาสที่ร่างกายจะรับเชื้อเข้าไป โดยการรับประทานยาจะต้องทานให้ครบสูตร คือเป็นเวลาทั้งสิ้น 1 เดือน 

    ตอนนี้ที่ทำได้คือการกินยาต่อเนื่องให้ครบ 30 วันและกลับไปตรวจเลือดกับแพทย์ตามนัด ส่วนเรื่องการหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ สามารถตรวจคัดกรองได้จากเลือดเช่นกัน หรือกรณีหนองในจะตรวจจากการป้ายสารน้ำจากช่องคลอด เพื่อนำไปส่งตรวจด้วยย้อมสีและเพาะหาเชื้อแบคทีเรีย ส่วนใหญ่ให้ผลบวกได้ตั้งแต่ช่วง 1-3 เดือนหลังมีความเสี่ยง การตรวจที่ 3 เดือนหลังมีความเสี่ยงก็จะเป็นการยืนยันได้

    แต่ถ้าระหว่างนี้มีอาการผิดปกติใดๆ เช่นมีผื่นใหม่ๆขึ้นตามตัว ผื่นที่อวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองขาหนีบโต ไข้ ตัวเหลือง ตกขาวผิดปกติ มีหนองไหลจากช่องคลอด ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจประมินอาการต่อไป