ถามแพทย์

  • มีน้ำไหลจากช่องคลอดสีน้ำตาลปนเลือด คัน มีกลิ่นแรงมาก หยุดฉีดยาคุมมาได้ 2 เดือนแล้ว เป็นอะไร

  •  Yuwarat Dulma
    สมาชิก
    มีน้ำไหลจากช่องคลอดสีน้ำตาลปนเลือด .... คัน มีกลิ่นแรงมาก เราหยุดฉีดยาคุมมาได้จะ 2 เดือนแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นอะไร ไม่กล้าหาคุณหมอ อายค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Yuwarat Dulma,

                   การมีน้ำสีน้ำตาลปนเลือดไหลออกจากช่องคลอด อาจเป็น

                   1. ประจำเดือน หากน้ำมีกลิ่นแบบคาวเลือด ก็น่าจะเป็นเลือดประจำเดือน ซึ่งหลังจากหยุดฉีดยาคุมกำเนิด ประจำเดือนจะมาภายใน 4-10 เดือน (นับจากเข็มสุดท้าย)

                   2 .ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ หากหยุดฉีดยาคุมกำเนิดแล้วมีเพศสัมพันธ์ ก็มีโอกาสที่จะตั้งคครรภ์ได้ ดังนั้นน้ำที่ไหลออกมา อาจเป็นเลือดที่เกิดจากการตั้งครรภ์ได้ เช่น มีแท้งคุกคาม เป็นต้น แต่มักจะมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย 

                    3. มีการติดเชื้อภายในช่องคลอด เช่น การอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (bacterial vaginosis) การติดเชื้อปรสิต ติดเชื้อหนองใน เป็นต้น โดยจะมีตกขาวที่มีสีผิดปกติ มีกลิ่นเหม็นรุนแรง ปวดท้องน้อย เป็นต้น

                    4. มีการอักเสบติดเชื้อในโพรงมดลูก จะมีอาการตกขาวที่ผิดปกติ และปวดท้องน้อย  รวมถึงอาการเจ็บท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะผิดปกติ มีไข้

                    5. ผลจากการใช้ยาฮอร์โมนอื่นๆ เช่น ยาสตรี สมุนไพร อาหารเสริมต่างๆ รวมถึงยาบางอย่าง เช่น ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด ยาต้านเศร้า เป็นต้น 

                     6. มีความผิดปกติที่มดลูกและรังไข่ เช่น เนื้องอกมดลูก มีติ่งเนื้อในโพรงมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

                     หากน้ำสีน้ำตาลปนเลือดดังกล่าวกลายเป็นเลือด และออกนาน 2-7 วัน ก็น่าจะเป็นประจำเดือนที่เริ่มกลับมาหลังจากหยุดฉีดยาคุมกำเนิด แต่หากน้ำออกนานเกิน 7 วันหรือออกแบบกะปริดกะปรอย มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ หรือมีปวดท้องน้อยร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ