ถามแพทย์

  • มีตุ่มสีแดงบริเวณแคมใหญ่ทั้ง 2 ข้าง มีคันและแสบแค่ช่วงเช้าแล้วหายไป เป็นอะไร รักษาอย่างไร

  •  nadear09
    สมาชิก
    เมื่อเช้ามีอาการคันที่บริเวณล่างแคมใหญ่ 1 ข้างค่ะ ทีนี้พออาบน้ำ รู้สึกว่าแสบที่มดลูกค่ะ เลยเอากระจกส่องดู เจอคล้ายๆตุ่ม สีแดงอยู่บริเวณล่างแคมใหญ่ทั้ง 2 ฝั่งค่ะ เวลาปกติ ณ ตอนนี้ไม่มีอาการคันหรือแสบค่ะ ตกขาวปกติค่ะ แล้ววันนี้ประจำเดือนพึ่งจะหมดค่ะ มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย วันที่ 31 มกราคม 2565 และวันนั้นกินยาคุมฉุกเฉินด้วยค่ะ ก่อนที่ประจำเดือนจะมาวันที่ 17 กุมภา วันที่ 7 กุมภา มีเลือดออกเหมือนประจำเดือนประมาณ 4 วันค่ะ น่าจะเป็นอาการหลังกินยาคุมฉุกเฉินค่ะ เลยอยากทราบว่า ตุ่มแดงๆ ที่เกิดขึ้นที่แคมใหญ่คืออะไร อันตรายไหมคะ แล้วมีวิธีรักษาอย่างไร

    สวัสดีค่ะ คุณ nadear09,

                      ตุ่มสีแดงที่บริเวณแคมใหญ่ อาจเป็น

                  - การแพ้สัมผัสหรือระคายเคืองต่อสารเคมีต่างๆ เช่น สบู่ น้ำยาล้างอวัยวะเพศ ถุงยางอนามัย แป้ง เป็นต้น มักมีอาการคันร่วมด้วย 

                  - เริมที่อวัยวะเพศ แต่จะเห็นเป็นตุ่มน้ำใส มีอาการแสบร้อนหรือเจ็บปวดร่วม ต่อมาตุ่มน้ำจะแตกและกลายเป็นแผล มีน้ำเหลืองซึม 

                  - ติดเชื้อราที่อวัยวะเพศภายนอก อาจพบมีผื่นนูนแดง หรือมีผิวหนังบวมแดง และจะมีอาการคันหรือแสบร่วมด้วย หากมีการติดเชื้อราในช่องคลอดร่วม ก็จะทำให้มีตกขาวมากและคันในช่องคลอด

                   - รูขุมขนอักเสบ จากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา โดยจะพบบริเวณผิวที่มีขนขึ้น จะเห็นเป็นตุ่มแดง และมักเกิดขึ้นหลายตุ่ม บางตุ่มอาจมีหัวหนองเกิดขึ้น มักมีอาการเจ็บและคันเล็กน้อยร่วมด้วย

                   - หูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ แต่จะเห็นเป็นติ่งเนื้อหรือตุ่มเนื้ออ่อนๆ สีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวมักขรุขระ อาจมีอาการคันร่วมด้วยได้

                    นอกจากนี้ ในโรคซิฟิลิส แผลริมอ่อน ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เริ่มแรกอาจเป็นตุ่มได้ แต่หลังจากนั้น ก็กลายเป็นแผลให้เห็นค่ะ และมักมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตร่วมด้วย 

                   ในเบื้องต้น ควรงดการใช้สิ่งต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดการแพ้และระคายเคืองไปก่อน เช่น ไม่ควรทาแป้งหรือโลชั่นใดๆ ที่อวัยวะเพศ ไม่ใช้น้ำยาล้างอวัยวะเพศ รวมถึงงดการโกนขน งดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนชั่วคราว และยังไม่ควรซื้อยาใดๆ มาทาเอง เพราะอาจไม่ตรงกับโรค หากตุ่มไม่หายไป หรือมีตุ่มเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ หรือตุ่มโตขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ

                   ส่วนการที่มีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 31 ม.ค. แล้วได้ทานยาคุมฉุกเฉินไป แล้ววันที่ 7 ก.พ. ได้มีเลือดออกมา โดยไม่ใช่ช่วงวันที่ที่ประจำเดือนจะมา ก็น่าจะเป็นเลือดที่เกิดจากผลของยาค่ะ และหากในวันที่ 17 ก.พ. ได้มีประจำเดือนมา ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ