ลูกอัณฑะปวดและบวมมา 4-5 วันแล้ว กินยาแล้วยังไม่ดีขึ้น เกิดจากอะไร

 สวัสดีค่ะคุณ Onebkk

อาการปวดและบวมบริเวณลูกอัณฑะ อาจมีสาเหตุจาก

- อัณฑะบิวขั้ว มักปวดทันทีทันใด พบมากในเด็กแรกเกิดและชายหลังเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์

- อัณฑะอักเสบจากการติดเชื้อ ปวดบวมแดงที่อัณฑะ ร่วมกับมีไข้ อาจมีปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนร่วมได้

- ท่อเก็บเชื้ออสุจิอักเสบ อาการปวดจะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป มากขึ้นเรื่อยๆ อาจมีปัสสาวะแสบหรือมีของเหลวไหลออกมาจากบริเวณอวัยวะเพศ

- เส้นเลือดขอดบริเวณอัณฑะ โดยสังเกตุเห็นเส้นเลือดที่โป่งพองออกมาบริเวณถุงอัณฑะ การทิ้งไว้นานๆโดยไม่รักษาเสี่ยงต่อการเป็นหมันได้

- ถุงน้ำที่อัณฑะ ทำให้เห็นอัณฑะข้างใดข้างหนึ่งโตกว่าอีกข้างได้ หากปล่อยให้มีการอักเสบจะมีอาการปวดรุนแรง

- ไส้เลื่อน มีอาการได้ตั้งแต่ไม่ปวดจนปวดรุนแรงขึ้นกับระยะของโรค มักพบลักษณะคลำก้อนได้บริเวณขาหนีบ ก้อนอาจผลุบๆโผล่ๆสัมพันธ์กับกิจกรรมบางอย่าง เช่น ไอ จาม เบ่ง ยกของหนัก 

-โรคผิวหนังบริเวณอัณฑะ อาจมีตุ่มหรือผื่นให้เห็นภายนอกได้

แนะนำพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายบริเวณอัณฑะร่วมด้วยจึงจะให้การวินิจฉัยที่แน่นอนได้ค่ะ หากตอนนี้ปวดมากจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือมีอัณฑะบวม แดง ร้อนมากขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ ยาฆ่าเชื้อที่ซื้อมา หากไม่ตรงกับโรคที่เป็น ก็อาจจะทำให้อาการของโรคไม่ดีขึ้นได้

เบื้องต้นควรงดกิจกรรมทางเพศทุกชนิดไปก่อนจนกว่าอาการจะหายสนิท ไม่ไปบีบหรือจับบริเวณที่ปวดบ่อยๆ กินยาแก้ปวดได้