ถามแพทย์

  • ปวดหน่วงบริเวณระหว่างใต้อัณฑะกับรูทวาร ควรทำอย่างไร

  •  Muntra Tara
    สมาชิก
    ตอนแรกที่เริ่มมีอาการ หลังจากมีเพศสัมพันธ์กับรรยาแล้วหลั่งนอกแล้วน้ำเชื้อมีสีแปลกๆ(สีน้ำตาลออกส้ม) แล้วหลังจากนั้นก็ปวดฉี่ พอฉี่แล้วรู้สึกว่าเหมือนฉี่ไม่สุดปวดฉี่อีกทั้งๆที่พึ่งฉี่ไป ฉี่บ่อยมากแทบจะต่อเนื่องเลย เช้ามาไปหาหมอ หมอให้ไปตรวจฉี่ ก็ไปตรวจฉี่ผลตรวจออกมาหมอบอกว่าปกติ หมอเลยบอกว่าไม่ต้องกังวลให้ดื่มน้ำเยอะแล้วก็ใช้ชีวิตปกติ แต่อาการก็ยังเป็นอยู่ เลยเปลี่ยนหมอ หมออีกคนบอกอาการแบบนี้น่าจะต่อมลูกหมากอักเสบ ให้ยาฆ่าเชื้อมากินสองอาทิตย์เหมือนจะดีขึ้น พอยาหมดไปหนึ่งอาทิตย์อาการกลับมาเหมือนเดิมอีก เลยไปหาหมอคนเดิมอีกหมอให้ยาเหมือนเดิมมากินตอนกินยาก็ปกติพอยาหมดก็อาการมาอีก ทีนี่เอาไงต่อหล่ะเลยไปหาหมอเฉพาะทางเลย ก็เล่าให้หมอฟังเหมือนเดิมหมอก็บอกต่อมลูกหมากน่าจะอักเสบแล้วสีน้ำตาลของน้ำเชื้อเกิดจากเลือดเก่าๆในต่อมลูกหมากประมาณนั่นแล้วสั่งยาให้กิน 1 เดือน ก็กินยาตามที่หมดสั่งก็รู้สึกดีขึ้นแต่พอยาหมดอาการก็เป็นอีก อาการคือฉี่บ่อยบางวัน หน่วงๆเหมือนมันตุงๆเวลานั่งทำงาน หรือเวลาขับรถ ก็ไปพบหมออีกหมอก็ให้ยามากินเหมือนเดิมที่นี้เพิ่มยาเป็นสองเดือนก็กินยาจนหมดเหมือนอาการจะดีขึ้น แต่แล้วสักพักอาการเหมือนเดิมก็กลับมาอีก ตอนนี้พอเวลปวดฉี่จะเริ่มมีอาการปวดท้องด้วยปวดหน่วงใต้อัณฑะด้วย ไม่รู้จะทำไงกับมันดีเลยมาขอคำปรึกษากับหมอในนี้ดูครับ ขอคำแนะนำด้วยนะครับเพราะโรงพยาบาลที่บ้านผมอยู่ไม่มีหมอเฉพาะทางเกี่ยวกับปัสสาวะ เลยขอคำแนะนำหน่อยครับ ขอบคุณครับ ยาวหน่อยนะครับ ขออภัยเขียนผิดเขียนถูก
    Muntra Tara  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ Muntra Tara

    โรคต่อมลูกหมากอักเสบคือภาวะการอักเสบหรือติดเชื้อของต่อมลูกหมากซึ่งเป็นอวัยวะที่อยู่บริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะ ทำหน้านี้สร้างน้ำที่เป็นส่วนประกอบของน้ำอสุจิ โดยมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียทั้งจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือการใส่สายสวนปัสสาวะไว้นานๆ  อาการมาด้วยปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุดหรือมีเลือดปน ปวดขณะหลั่งน้ำอสุจิ ปวดในอุ้งเชิงกรานแต่ไม่สามารถบอกตำแหน่งที่ปวดได้ชัดเจน 

    วิธีการดูแลตัวเอง รับประทานยาฆ่าเชื้อตามที่แพทย์สั่งให้ครบ เพื่อให้หายขาดและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ป้องกันการทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะเพิ่มมาอีกเช่นไม่กลั้นปัสสาวะ ดื่มน้ำมากๆ หากมีความผิดปกติเกี่ยวกับการปัสสาวะควรกลับไปพบแพทย์ทันที

    การเป็นเรื้อรังไม่หายไป อาจบ่งบอกว่ายังมีสาเหตุที่ไม่ได้รับการแก้ไขอยู่ เช่นอาจมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือภาวะต่อมลูกหมากโตร่วมด้วย ควรพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และตรวจทางทวารหนักร่วมด้วยต่อไป