ถามแพทย์

  • ข้อเท้าบวมมา 2 เดือนแล้วไม่หายสักที ต้องเดินเขย่งตลอดเพราะเจ็บ เกิดจากอะไร ต้องรักษาอย่างไร

  •  Suchedtha Bsp
    สมาชิก
    ผมมีอาการข้อเท้าบวมน่าจะมาจากสาเหตุผมเดินเยอะและไม่ได้ข้อเท้าพลิกและเริ่มปวดตรงข้อรอบตาตุ่มผมเลยเอายามาทานวดและคลึงหลังจากนั้นก็เกิดอาการอักเสบมากขึ้นเดินลงเท้าไม่ได้ต้องใช้ไม้ค้ำและได้ไปพบหมอและหมอได้ฉีดยาแก้ปวดมา 1เข็มและให้ยามากินพร้อมทั้งดามด้วยเฝือกอ่อนหมอบอกไม่น่าเกิน 1สัปดาห์ก็หายแต่ผ่านมา 1สัปดาห์ก็ยังไม่หายแต่อาการบวมลดลงแต่ก็ยังเดินไม่ได้ยังใช้ไม้ค้ำอยู่ ผมก็กินยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบคลายกล้ามเนื้อมาตลอด(กินยาหลายตัวและกินบ่อย)แต่ก็ยังไม่หายสนิท ทุกวันนี้ก็ยังเดินลงเท้าได้ไม่เต็มต้องเดินเขย่งๆเพราะเจ็บ อาการเจ็บตลอด 2 เดือนมานี้เกิดจากอะไรครับต้องทำยังไงถึงหายครับ หาหมอก็ยังไม่หาย ช่วยตอบด้วยครับ ขอบคุณครับ
    Suchedtha Bsp  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ Suchedtha Bsp

    อาการข้อเท้าบวมดังกล่าวมานั้น อาจจะเกิดจาก การมีข้ออักเสบจากกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นรอบๆมีการอักเสบหรือตึงตัวจากการใช้งาน เช่นเดินลงน้ำหนักมากเกินไป ใช้งานแบบผิดท่า หรือมีน้ำหนักตัวเกินปกติ เป็นต้น สาเหตุอื่นๆเช่น ข้ออักเสบจากเก๊าท์ ข้ออักเสบจากโรคทางภูมิคุ้มกัน ข้อติดเชื้อเช่นกลุ่มเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส การมีเส้นเอ็นรอบๆข้อฉีกขาด กระดูกหักหรือเคลื่อนแต่มักเกิดตามหลังการเกิดอุบัติเหตุโดยตรง เป็นต้น

    เบื้องต้นน่าจะเป็นสาเหตุที่เกี่ยวกับการใช้งานมากที่สุด คือพอมีการอักเสบขึ้นมา แต่ยังคงฝืนใช้งานต่อเนื่อง อาจทำให้โรคเป็นเรื้อรัง ไม่หายได้ 

    ดังนั้นแนะนำการพักการใช้งานงดลงน้ำหนักๆมากๆในเท้าข้างที่ปวด หากปวดมากสามารถใช้ยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ตามที่แพทย์สั่งเพื่อลดอาการปวดและอักเสบได้เบื้องต้น ประคบเย็นลดบวมได้เช่นกัน

    หากกินยาและพักการใช้งานดูแล้ว ไม่ทุเลา ควรกลับไปพบแพทย์ แจ้งให้ทราบว่ารักษาด้วยยาแบบนี้มาแล้วไม่ดีขึ้น การมีข้ออักเสบเรื้อรัง อาจเป็นข้อบ่งชี้ในการส่งพบแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดหรือส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น x-ray ต่อไป