ถามแพทย์

  • หลังมีความเสี่ยงรับเชื้อ hiv ได้กินยาต้านไวรัสมา 5 วันแล้ว ตอนนี้มีอาการไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยตามตัว มีผื่นขึ้น เป็นผลจากยาหรือเป็นติดเชื้อ hiv แล้ว

  •  kaimookkkk
    สมาชิก
    กังวลคะ ไปทำเล็บที่ร้านแห่งนึงมาละเป็นแผลมีเลือดออกขณะตัดเล็บ รู้สึกกังวลว่าจะไม่ปลอดภัยเพราะเค้าทำเล็บเราต่อจากอีกคนโดยที่ไม่มีการทำความสะอาดอุปกรณ์ พอรู้สึกกังวลลละไปตรวจเลือดละที่โรงพยาบาลได้ยาต้านมากินภายใน72ชม. เค้าให้กิน28วัน แล้วมีอาการตัวร้อน มีผื่นคัน เพลียเมื่อยตัว ตอนนี้กินยาได้ 5วันแล้ว อยากสอบถามว่าหนูมีโอกาสติดเชื้อhivมากน้อยแค่ไหนคะ แล้วอาการที่เป็นเกิดจากผลของยา รึหนูมีอาการติดเชื้อhivแล้ว
    kaimookkkk  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ kaimookkkk

    HIV เป็นการติดเชื้อไวรัส HIV โดยจะทำให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจนถึงแก่ชีวิตได้  HIV เป็นไวรัสที่ติดต่อกันผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย การสัมผัสสารคัดหลั่งจากเยื่อบุตา ปาก อวัยวะเพศของกันและกัน การใช้ของมีคมร่วมกัน หรือของใช้ส่วนตัวที่มีสารคัดหลั่งติดอยู่ร่วมกัน การที่สารคัดหลั่งหรือเลือดมาโดนแผลเปิดขนาดใหญ่ที่ผิวหนัง เป็นต้น

    การใช้ยาต้านไวรัสกินติดต่อกัน 28 วันหลังรับเชื้อภายใน 72 ชั่วโมงนั้น จะต้องกินติดต่อกันทุกวันตรงเวลาจนยาหมด และกลับไปเจาะเลือดติดตามตามนัด

    ในระหว่างที่กินยาอาจจะมีผลข้างเคียงเช่นคลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว ได้ ที่กล่าวมา อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากยา โดยอาการเริ่มแรกของโรค hiv อาจจะคล้ายๆได้เช่นกันเช่นมีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว มีผื่นขึ้นตามตัว ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ ซึ่งอาจจะแยกกันได้ยาก และเป็นอาการที่ไม่จำเพาะเจาะจง แต่จริงๆแล้ว ถ้าได้เริ่มกินยาต้านไวรัสภายใน 72 ชั่วโมงเพื่อกดการเข้าของไวรัสสู่ร่างกาย โอกาสติดเชื้อก็ยังมีได้น้อยมาก

    แนะนำการกินยาต่อไปอย่างต่อเนื่อง และกลับไปเจาะเลือดตามนัด ยังไม่จำเป็นต้องกังวลจนเกินไปค่ะ