ถามแพทย์

  • ตรวจหา HIV หลายครั้ง ผลปกติ แต่มีตุ่มใสที่ปลายอวัยวะเพศแล้วกลายเป็นแผล จะเป็น HIV ไหม

  •  Nut Bm
    สมาชิก
    รบกวนปรึกษาคุณหมอครับ คือผมไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง แล้วเกิดกังวลกลัวการติดเชื้อHIV (มีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางอนามัยนะครับ) มีเมื่อต้นปีนี้เดือนกุมภาปี63 จึงได้ทำการตรวจเลือด ในเดือนกุมภา/มีนาคม/พฤษภาคม/มิถุนายน/กรกฎาคม ตามเดือนที่แจ้งมาครับ ผลออกมาปกติทุกครั้ง แต่ที้ผมกังกวลคือ บริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ มีแผล ตอนแรกมันคันๆแล้วก็เป็นตุ่มใสๆจนตอนนี้กลายเป็นแผลแล้วครับ จะรบกวนคุณหมอว่า อาการนี้ใช่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIVไหมครับ แล้วผมต้องไปเจาะเลือดตรวจอีกไหมครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ คนธรรมดา,

                         หากได้ตรวจหาการติดเชื้อ HIV ที่นานกว่า 1 เดือนหลังจากไปมีความเสี่ยงมา และได้ตรวจไปหลายครั้งแล้ว และผลออกมาปกติ คือไม่มีการติดเชื้อ ก็แสดงว่าไม่ได้มีการติดเชื้อ HIV และหากได้ตรวจหาซ้ำหลายครั้งแล้ว ก็ยังไม่พบ ก็เท่ากับไม่ได้มีการติดเชื้อ HIV แต่อย่างใดค่ะ ดังนั้น อาการที่หยังหุ้มปลายอวัยวะเพศมีแผล จึงไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ HIV อีกทั้งก็ไม่ใช่อาการของโรค HIV ด้วยเช่นกัน 

                          ดังนั้น ตุ่มใสๆ ที่ขึ้นแล้วต่อมากลายเป็นแผล อาจเป็น

                          - เริมที่อวัยวะเพศ แต่จะมีอาการแสบร้อนหรือเจ็บปวดร่วมด้วย

                          - ติดเชื้อราที่อวัยวะเพศ 

                          - ผื่นแพ้หรือระคายเคืองจากสารเคมีต่างๆ

                          - เป็นซิฟิลิส แผลริมอ่อน 

                          แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจว่าแผลที่มีอยู่นั้น เกิดจากสาเหตุใดค่ะ จะได้รักษาให้ตรงกับโรค ในเบื้องต้น ก็ไม่ควรไปแกะ เกาแผลค่ะ และควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน ไม่ทายาหรือครีมใดๆ ที่อวัยวะเพศค่ะ