วิตามินรวม

วิตามินรวม

วิตามินรวม (Multivitamin) คือวิตามินเสริมที่ประกอบด้วยวิตามินหลากหลายชนิดซึ่งพบได้ในอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน โดยจะนำมาใช้ในกรณีที่อาจได้รับวิตามินจากอาหารไม่เพียงพอ หรือเพื่อรักษาภาวะขาดวิตามินของร่างกายที่อาจเกิดจากอาการป่วยบางชนิด เช่น การขาดสารอาหาร โรคเกี่ยวกับการย่อยอาหาร และอื่น ๆ เป็นต้น

วิตามินรวม

เกี่ยวกับวิตามินรวม

กลุ่มยา วิตามิน
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาหาซื้อได้เองตามร้านขายยา
สรรพคุณ รักษาหรือป้องกันการขาดวิตามินในร่างกาย
กลุ่มผู้ป่วย เด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
รูปแบบของยา ยาเม็ดรับประทาน ยาน้ำ


คำเตือนการใช้วิตามินรวม

  • ห้ามรับประทานหากมีอาการแพ้ส่วนผสมใด ๆ ในวิตามินบีรวม
  • แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับโรคหรือภาวะที่กำลังเผชิญอยู่ เพราะอาจได้รับผลกระทบจากการรับประทานวิตามินรวม โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ กำลังวางแผนตั้งครรภ์ หรือหญิงที่ต้องให้นมบุตร รวมถึงผู้ที่เคยมีอาการแพ้ยา อาหาร หรือสารใด ๆ
  • วิตามินรวมอาจทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด หากกำลังใช้ยา สมุนไพร หรืออาหารเสริมชนิดใดก็ตาม ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนเริ่มใช้ยา

ปริมาณการใช้วิตามินรวม

ผลิตภัณฑ์วิตามินรวมมีหลากหลายสูตร หลากหลายชนิดให้เลือกใช้ ทำให้อาจมีสัดส่วนของวิตามินแตกต่างกันไป นอกจากนี้บางชนิดยังมีส่วนผสมของแร่ธาตุชนิดอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม และสังกะสี ดังนั้นสูตรของวิตามินรวม ปริมาณ และระยะเวลาในการใช้จึงต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลและขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

การใช้วิตามินรวม

  • รับประทานวิตามินรวมตามปริมาณและระยะเวลาที่แพทย์กำหนด และปฏิบัติตามฉลากกำกับการใช้อย่างเคร่งครัด
  • รับประทานระหว่างมื้ออาหารหรือรับประทานพร้อมมื้ออาหารก็ได้ แต่หากมีอาการอาหารไม่ย่อยก็ควรรับประทานพร้อมมื้ออาหารเพื่อลดอาการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร
  • ควรรับประทานวิตามินบีรวมร่วมกับน้ำเปล่า 1 แก้ว อย่ารับประทานร่วมกับนมหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม รวมทั้งแคลเซียมเสริม หรือยาลดกรดที่มีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบ เนื่องจากแคลเซียมอาจส่งผลให้ร่างกายดูดซึมส่วนผสมบางชนิดในวิตามินรวมได้ไม่ดี
  • หากเป็นวิตามินรวมชนิดเคี้ยวได้ ควรเคี้ยวก่อนกลืน
  • วิตามินรวมชนิดน้ำควรใช้อุปกรณ์วัดปริมาณการใช้แบบเฉพาะเจาะจง หากไม่มี สามารถสอบถามกับเภสัชกร
  • กรณีลืมรับประทาน ควรรับประทานทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้ถึงเวลาแล้วให้ข้ามไปรับประทานครั้งต่อไปได้เลย อย่าเพิ่มปริมาณการใช้เป็น 2 เท่า
  • ห้ามรับประทานวิตามินรวมมากกว่า 1 ชนิดในคราวเดียวกัน ยกเว้นเมื่อเป็นคำสั่งจากแพทย์ เพราะอาจทำให้ได้รับวิตามินในปริมาณมากเกินจนเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงตามมาได้
  • หากอยู่ในภาวะที่ต้องรับประทานอาหารโซเดียมต่ำควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้วิตามินหรืออาหารเสริมแร่ธาตุใด ๆ รวมทั้งวิตามินรวม
  • อย่าเริ่มใช้ หยุดการใช้ หรือเปลี่ยนปริมาณการรับประทานวิตามินเองโดยพลการ
  • หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากความชื้นและความร้อน และระวังอย่าให้วิตามินรวมชนิดน้ำแข็งตัว

ผลข้างเคียงจากการใช้วิตามินรวม

การรับประทานวิตามินรวมตามปริมาณที่แนะนำมักไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงใด ๆ ผลข้างเคียงชนิดไม่รุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ อาหารไม่ย่อย ปวดศีรษะ รู้สึกถึงรสชาติผิดปกติหรือไม่พึงประสงค์ในปาก ทั้งนี้หากพบอาการที่แสดงถึงการแพ้อันรุนแรงต่อไปนี้ควรต้องรีบไปพบแพทย์ทันที

  • มีผื่นลมพิษ
  • หายใจลำบาก
  • อาการบวมที่ใบหน้า ลำคอ ปาก ริมฝีปาก หรือลิ้น

การรับประทานวิตามินรวมตามปริมาณที่แพทย์กำหนดเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันอาการข้างเคียงจากการใช้ เพราะการได้รับวิตามินที่มากเกินกว่าปริมาณแนะนำอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หรืออาจทำให้มีอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย ท้องผูก ไม่อยากอาหาร ผิวหนังลอก ผมร่วง เจ็บบริเวณปากเหมือนมีเข็มทิ่ม ประจำเดือนมาไม่ปกติ ผิวซีด ปวดศีรษะรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ ปวดหลังอย่างรุนแรง ปัสสาวะเป็นเลือด ฟกช้ำหรือมีเลือดออกง่าย เป็นต้น

นอกจากผลข้างเคียงจากวิตามินแล้ว ผลิตภัณฑ์วิตามินรวมหลายชนิดมักมีส่วนผสมของแร่ธาตุอย่างแคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม และสังกะสี ที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อรับประทานในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดคราบที่ฟัน ปัสสาวะมากขึ้น มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ มีอาการสับสน กล้ามเนื้อหรือแขนขาอ่อนแรง เป็นต้น