ปวดหลังมาประมาณ 1 เดือนกว่า ปวดขาหนีบข้างขวามา 5 วัน จับลูกอัณฑะก็จะรู้สึกปวด เกิดจากอะไร

สวัสดีค่ะ คุณ กรวิชช์ ธัญญโชติไพบูลย์,

                   อาการปวดหลังร้าวมาเอว อาจเกิดจาก

              1. การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เช่น จากการยกของหนัก ทำงานก้มๆ เงยๆ ตลอดเวลา การยืนที่ผิดท่าเป็นเวลาต่อเนื่องนานๆ การออกกำลังกายที่ผิดท่า หรือจากอุบัติเหตุต่างๆ อาการมักจะเป็นการปวดแบบระบม ปวดแบบตุบ ๆ มีจุดที่กดเจ็บ 

               2. หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ส่วนใหญ่มักเกิดบริเวณเอว ซึ่งอาการปวดจะเป็นแบบปวดร้าวปวดเสียว แปล๊บๆ ตั้งแต่บริเวณเอว สะโพกหรือแก้มก้น และมักปวดร้าวลงไปถึงขาและเท้าได้ โดยอาจเป็นข้างเดียวหรือ 2 ข้างก็ได้ อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเวลามีการก้มตัว อยู่ในท่านั่ง เมื่อไอ หรือจาม สาเหตุมักเกิดจากการมีน้ำหนักตัวมากไป การยกของหนักบ่อยๆ หรือใช้ท่าทางไม่ถูกต้องในการทำงานต่างๆ เป็นต้น

               3. ช่องไขสันหลังตีบแคบลง มักเกิดจากการเสื่อมตามอายุ จึงมักพบในผู้สูงอายุมากกว่า นอกจากนี้อาจเกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิดของโพรงกระดูกสันหลัง จากอุบัติเหตุบริเวณหลัง จากโรคกระดูกพรุน เป็นต้น อาการปวดจะคล้ายกับโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน แต่มักปวดมากเวลาแอ่นตัว และดีขึ้นเมื่อก้มตัว หรือนั่ง 

               4. กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (piriformis syndrome) อาการจะคล้ายกับโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท

                5. กระดูกสันหลังยุบตัว มับพบในผุ้สูงอายุจากโรกระดูกพรุน หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุ มีมะเร็งกระจายไปที่กระดูก ติดเชื้อในกระดูก วัณโรคกระดูกสันหลัง เป็นต้น

                6. เนื้องอกและมะเร็งของเนื้อเยื่อ กระดูก และเส้นประสาท

                ส่วนอาการปวดบริเวณขาหนีบที่เพิ่งเกิดขึ้นมา 5 วัน รวมปวดที่บริเวณอัณฑะด้วย อาจเกิดจาก

                - ไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ 

                - อัณฑะอักเสบ

                - โรคพังผืดอักเสบมีเนื้อตายบริเวณฝีเย็บ 

                - ไขมันของถุงอัณฑะมีเนื้อตายเฉพาะส่วน

                - มีก้อนเนื้องอกหรือมะเร็งในอัณฑะ

                ดังนั้น หากยังคงมีอาการปวดที่ขาหนีบหรืออัณฑะต่อเนื่อง แนะนำควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพราะหากเป็นไส้เลื่อน ก็จะต้องได้รับการประเมินอาการว่าต้องผ่าตัดเร่งด่วนหรือไม่ค่ะ 

                ส่วนในเบื้องต้น เพื่อบรรเทาอาการปวดหลัง ให้หลีกเลี่ยงกิจกรรม การทำงานหรือท่าทางที่ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อบริเวณหลัง งดการออกกำลังกายทุกชนิด อาจใช้การประคบด้วยน้ำอุ่น ทายาบรรเทาอาการปวดเมื่อย และอาจทานยาแก้ปวดลด เช่น  ไดโคลฟีแนค (diclofenac), ไพรอกซิแคม (piroxicam) เป็นต้น ร่วมกับยาคลายกล้ามเนื้อ หากอาการปวดหลังไม่ทุเลา ก็ควรพบแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมกระดูและข้อเพื่อหาสาเหตุและรักษาค่ะ