ถามแพทย์

  • 12 ก.พ.มีเคืองตา ไปหาหมอบอกเป็นกระจกตาอักเสบ แต่ต่อมามีแสบตา น้ำตาไหลเวลาเจอแสง เป็นอะไร

  •  pp.ployy
    สมาชิก
    อาการ แรกๆ ประมาณวันที่ 12 ก.พ.65ตื่นเช้ามารู้สึกว่าเคืองตา ล้างตาด้วยน้ำสะอาดแต่ก็ไม่หายวันที่ 14ก.พ.65ไป รพ.หมอบอกว่ากระจกตาอักเสบ รักษาไปสักพัก อาการเคืองตาหายไป แต่ก็มีเคืองนิดๆ เริ่มแสบตาน้ำตาไหล เวลาเจอแสงแดดจะหลับตาอัตโนมัติ ลืมตาไม่ได้น้ำตาไหล ต้องใส่แว่น((ตอนกลางคืนเหมือนตาไม่ได้เป็นอะไร ปกติทุกอย่างแต่ตื่นเช้ามาก็น้ำตาไหล แสบตาเหมือนเดิมค่ะ)) แต่ก็ช่วยไม่ได้มาก เป็นมาตลอดเรื่อยๆไปคลินิก หมอบอกว่ามันยังอักเสบนิดๆ ได้ยาหยอดตาและยามาทาน แต่อาการก็ยังไม่หาย เป็นมาเรื่อยๆ ไม่หายสักที ไปที่คลินิกเดิมล่าสุด หมอบอกว่าอาการคล้ายๆต้อลม มันเกิดจากอะไรคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ pp.ployy,

                           อาการเคืองตา แสบตา น้ำตาไหล เวลาที่เจอแสงแดด แต่ไม่มีอาการในช่วงเวลากลางคืน น่าจะเป็นอาการของ "ตาแพ้แสง" ซึ่งอาการจะเกิดเมื่อสัมผัสกับแสงต่างๆ ทั้งแสงแดด แสงจากดวงไฟ แสงจากจอต่างๆ โดยอาการได้แก่ ไม่สบายตา ระคายเคืองดวงตา ต้องหรี่ตาหรือหลับตาเมื่อสัมผัสแสงแสบตา ตาแดง ปวดตา มีน้ำตาไหล เป็นต้น 

                          ส่วนสาเหตุของการเกิดตาแพ้แสง เช่น ตาแห้ง เยื่อบุตาอักเสบ กระจกตาอักเสบ ผลจากการใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ผลข้างเคียงจากการใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ยาทาสิว ยาแก้อักเสบ ยาคุมกำเนิด เป็นต้น การใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสบกับดวงตา ทำให้เกิดอาการระคายเคือง เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน หรืออาจเป็นโรคเกี่ยวกับสมอง เป็นต้น หรืออาจไม่ได้มีโรคอะไรก็ได้

                          ทั้งนี้ หากเป็นกระจกตาอักเสบ ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อ หากได้ยารักษาแล้ว ก็ไม่น่ามีอาการต่อเนื่องมาอีกหลายเดือน ดังนั้น ก็น่าจะเป็นอาการของตาแพ้แสง ที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ หรืออาจไม่มีสาเหตุก็ได้ดังกล่าวไป

                         การดูแลเบื้องต้น ได้แก่ การสวมแว่นกันแดดเมื่อต้องออกแดงหรือมองแสงจ้า พยายามหลีกเลี่ยงการเพ่งมองแสง หรี่ไฟ ปิดไฟในอาคาร หรือปิดม่านเมื่อมีแสงจากด้านนอกส่องเข้ามามากเกินไป ไม่ใส่คอนแทคเลนส์ เพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้รู้สึกไม่สบายตาได้ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบริเวณดวงตา เพราะเครื่องสำอางอาจทำให้ระคายเคืองดวงตาได้

                          นอกจากนี้ควรลดปัจจัยที่ทำให้เกิด "ตาแห้ง" ได้แก่ หลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงกับลม เช่น ไม่นั่งในที่ที่มีลมพัดหรือลมแอร์เป่าใส่ดวงตา หมั่นกระพริบตาถี่ๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์และมองโทรศัพท์มือถือ และควรพักสายตาบ้าง โดยการหลับตาบ่อยๆ ทุก 30-60 นาที โดยหลับตานาน 1-2 นาที ไม่ควรจ้องคอมพิวเตอร์และมือถือนานเกินไป นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างการสามารถผลิตน้ำตาได้เต็มที่ และควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ  นอกจากนี้ อาจใช้น้ำตาเทียมช่วย ทานอาหารที่มีวิตามินเอสูงและสารอาหารอื่นๆ ที่บำรุงสายตาเป็นประจำ เช่น แครอท ผักโขม ฟักทอง มะละกอ ผักบุ้ง ตำลึง ส้ม ผักและผลไม้ต่างๆ ที่มีสีม่วง ไข่แดง นม เป็นต้น

                          หากอาการยังคงไม่ดีขึ้น เป็นมากขึ้น แนะนำควรไปพบจักษุแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุของโรคที่อาจทำให้เกิดอาการและรักษาค่ะ