ถามแพทย์

  • มีตุ่มใสตรงรูทวาร ไม่คัน ไม่แสบ มักจะเกิดขึ้นมาเวลาท้องเสีย อันตรายไหม ควรทำอย่างไร

  •  kanann
    สมาชิก

    ค่อนข้างกังวลนิดหน่อยเกี่ยวกับตุ่มใสตรงรูทวารครับ ตุ่มใสนี้ไม่มีอาการคัน แสบ หรืออะไรเลยครับ แล้วจากที่สังเกตุคือมักจะมาช่วงที่ท้องเสียแล้วถ่ายหนักบ่อยๆครับ แต่เวลาปกติจะไม่เจอตุ่มใสอันนี้ เลยอยากทราบว่าตุ่มใสอันนี้จะอันตรายรึเปล่าครับแล้วควรทำยังไง ขอบคุณครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ kanann,

                        การมีตุ่มใสๆ ที่รูทวารหนัก อาจเป็น

                       1. ริดสีดวงทวารชนิดภายนอก โดยจะเห็นเป็นติ่งเนื้อยื่นออกมาจากรูทวารหนักเมื่อมีอาการท้องผูกหรือท้องเสียเกิดขึ้น มักไม่ทำให้เกิดเลือดออกเหมือนริดสีดวงภายใน แต่หากเกิดการเสียดสีหรือนั่งทับ จะทำให้มีอาการเจ็บ แสบ หรือปวดได้ ห

                    2. แผลปริขอบทวารหนัก ในช่วงเริ่มแรก อาการคือมีเลือดสีแดงสดติดออกมากับก้อนอุจจาระ ซึ่งสาเหตุ ได้แก่ การมีอุจจาระที่แข็งหรือก้อนใหญ่ ต้องออกแรงเบ่งจนไปครูดบาดเยื่อบุผิวของทวารหนักจนเกิดเป็นแผล หรือมีการถ่ายอุจจาระเหลวเรื้อรัง ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักมากกว่าปกติจนเกิดฉีกขาด หรือจากการร่วมเพศทางทวารหนัก หรือการใส่นิ้วหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในทวารหนัก ซึ่งปริมาณเลือดจะมีเพียงเล็กน้อย และจะมีอาการปวดเจ็บหรือแสบรูทวารหนักร่วมด้วย เมื่อเป็นเรื้อรัง เยื่อบุผิวรอบๆ แผลที่ทวารหนักนี้จะหนาตัวขึ้น ทำให้มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อขึ้นมาได้ด้วย

                    3. หูดหงอนไก่ จะเป็นติ่งเนื้อหรือตุ่มเนื้ออ่อนๆ สีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวมักขรุขระ อาจพบติ่งเดียวหรือหลายติ่ง อาจมีอาการคันร่วมด้วยแต่มักไม่มีอาการเจ็บ เป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์

                     4. เป็นติ่งเนื้อธรรมดาของทวารหนัก มักไม่มีอาการอะไร

                     5. ก้อนที่ลำไส้ใหญ่หรือบริเวณทวารหนักจากสาเหตุอื่นๆ เช่น เนื้องอกของลำไส้ตรง หรือเนื้องอกทวารหนัก ที่ยื่นออกมาจนพ้นรูทวารหนัก

                         หากไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ ไม่เคยมีถ่ายเป็นเลือด ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ก็อาจเป็นติ่งเนื้อธรรมดาของทวารหนัก หรือริดสีดวงทวารหนักก็ได้ ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพียงแจ่ต้องระวังอย่าให้เกิดท้องเสียบ่อย โดยการเลือดทานอาหารที่ปรุวสุกใหม่ สะอาด ไม่ทานดิบๆ สุกๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจ หรือตุ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือมีจำนวนมากขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วม ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องค่ะ