ไรฝุ่น กำจัดอย่างไรให้ไกลจากภูมิแพ้ ?

ไรฝุ่น (Dust Mites) หนึ่งในสาเหตุของโรคภูมิแพ้และตัวกระตุ้นให้เกิดอาการของโรคหืดตามมา เป็นแมลงในตระกูลเดียวกับเห็บและแมงมุม มีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อาศัยอยู่ตามบ้านเรือนโดยกินผิวหนังของมนุษย์ที่ถูกผลัดออกมาเป็นอาหาร ไรฝุ่นนี้อยู่รอดได้ในทุกสภาพอากาศ แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมอุ่นชื้น หรือที่อุณหภูมิประมาณ 18.5-29 องศาเซลเซียสและมีความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

ไรฝุ่น

อาการใดบ่งบอกว่าแพ้ไรฝุ่น ?

อาการแพ้จากการสัมผัสไรฝุ่นมีตั้งแต่ระดับอ่อนไปจนถึงรุนแรง หากเป็นการแพ้ที่เกิดจากการอักเสบของทางเดินจมูกจะแสดงอาการในลักษณะต่อไปนี้

  • จาม
  • น้ำมูกไหล คัดจมูก หรือคันจมูก
  • มีเสมหะ ไอ ระคายเคืองในลำคอ
  • คันตา น้ำตาไหล หรือตาแดง
  • คันที่ผิวหนัง
  • ใต้ดวงตาบวมช้ำ
  • อาการในเด็กอาจทำให้เจ้าตัวถูจมูกบ่อย ๆ เนื่องจากเกิดความระคายเคือง

อาการแพ้ไรฝุ่นยังอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการของโรคหอบหืดตามมา ดังนี้

  • หอบหืด ไอ หายใจหอบเหนื่อย
  • หายใจลำบาก
  • เจ็บหรือแน่นหน้าอก
  • หายใจเสียงดังวี้ด
  • อาการจะยิ่งแย่ลงเมื่อเผชิญกับฝุ่นควัน สารเคมีก่อความระคายเคือง ควันบุหรี่ หรือเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ

แพ้ไรฝุ่นเกิดจากอะไร ?

ไรฝุ่นอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการแพ้ตามมาเมื่อมีการสัมผัสหรือหายใจเอาของเสียที่ถูกขับออกมาจากตัวไรฝุ่นเข้าไป เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารแปลกปลอมใด ๆ ที่ผ่านเข้าไปด้วยการผลิตสารภูมิต้านทาน (Antibody) โดยเฉพาะขึ้นมาและจดจำว่าสารดังกล่าวเป็นสารก่อภูมิแพ้ และเมื่อเผชิญกับสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ ในครั้งต่อไปก็จะปล่อยสารฮีสทามีนที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ต่าง ๆ ตามมา

อาการแพ้ไรฝุ่นแตกต่างจากอาการแพ้ที่เกิดจากมลพิษตรงที่อาจเกิดอาการต่อเนื่องทั้งปีจนกลายเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ทั้งนี้ก็เพราะของเสียที่ออกมาจากตัวไรฝุ่นที่แห้งแล้วอาจยังกระจายอยู่รอบ ๆ ตัวในอากาศตลอดเวลา เพียงมีการใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้าน เดินบนพรม ขยับตัวบนเตียงนอน สะบัดผ้าปูที่นอน หรือแม้แต่ขณะนั่งบนเก้าอี้ ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน และหากหายใจเอาของเสียจากไรฝุ่นเข้าไปเป็นเวลานาน ๆ ก็อาจทำให้อาการภูมิแพ้ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ เกิดการอักเสบเรื้อรังจนกลายเป็นโรคหืดได้

วิธีกำจัดไรฝุ่น ป้องกันภูมิแพ้

ไรฝุ่นนั้นยากที่จะกำจัดให้หมดไปจากบ้าน แม้ว่าจะทำความสะอาดบ้านบ่อยครั้งก็ตาม เพราะพวกมันต้องการแค่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น ที่นอน พรม ผ้าม่าน หรือเครื่องเรือนต่าง ๆ ที่มีความชื้นมากพอ ถึงอย่างนั้นการลดจำนวนไรฝุ่นในบ้านลงก็ช่วยลดอาการภูมิแพ้ให้น้อยลงได้ โดยวิธีต่อไปนี้จะช่วยลดจำนวนของไรฝุ่นในบ้านลงได้อย่างมาก

  • ใช้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนกันไรฝุ่น ซึ่งเป็นผ้าที่ทออย่างแน่นหนา ซึ่งป้องกันไรฝุ่นเข้ามาอยู่อาศัย รวมทั้งยังกันไรฝุ่นที่มีอยู่ตามที่นอนอยู่แล้วไม่ให้ออกมา
  • ทำความสะอาดเครื่องนอนเป็นประจำทุกสัปดาห์ ซักผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หมอน และผ้าที่ใช้คุมเตียงทั้งหมดด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส เพื่อกำจัดไรฝุ่นและสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ออกไป แต่หากไม่สามารถซักด้วยน้ำร้อนได้ก็ให้ใส่ลงในเครื่องปั่นแห้งอย่างน้อย 15 นาทีที่อุณหภูมิมากกว่า 60 องศาเซลเซียสเช่นกัน หรือจะใช้วิธีแช่แข็งด้วยความเย็นเป็นเวลา 24 ชั่วโมงก็ฆ่าไรฝุ่นได้ แต่จะไม่อาจช่วยกำจัดสารก่อภูมิแพ้ได้ ต้องใช้การซักล้างเท่านั้น ทั้งหมดนี้ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • ใช้เครื่องนอนที่ทำจากใยสังเคราะห์ เช่น ผ้าฝ้าย เพราะซักทำความสะอาดด้วยน้ำอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสได้บ่อยครั้ง หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าห่มหรือผ้าปูที่นอนที่จะมีไรผุ่นเกาะง่ายและยากต่อการทำความสะอาด เช่น ผ้านวม ผ้าที่ทำจากขนสัตว์
  • นำเครื่องนอนต่าง ๆ ออกไปผึ่งแดดอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง เพื่อลดความชื้นของเตียงและขับไล่ไรฝุ่น
  • เลือกซื้อตุ๊กตาแต่เฉพาะที่ซักทำความสะอาดได้ ควรซักบ่อย ๆ และไม่ควรวางไว้บนเตียงนอน
  • เคลื่อนย้ายสิ่งของซึ่งอาจเป็นที่อยู่อาศัยของบรรดาไรฝุ่น โดยเฉพาะพรมต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งอาศัยแสนสบายของไรฝุ่น ยิ่งหากพรมนั้นอยู่บนพื้นปูนคอนกรีตก็จะยิ่งเกิดความชื้นได้ง่าย ถ้าเป็นไปได้ควรเปลี่ยนพื้นห้องนอนเป็นกระเบื้อง ไม้ เสื่อน้ำมัน หรือพลาสติกแทนการใช้พรม หรือเปลี่ยนเครื่องเรือนต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งกำเนิดไรฝุ่นออก
  • การทำความสะอาดพื้นด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำถูพื้นจะช่วยลดจำนวนไรฝุ่นได้มาก ไม่ควรทำความสะอาดโดยการกวาดอย่างเดียวหรือใช้ผ้าแห้งเพราะอาจทำให้ไรฝุ่นฟุ้งขึ้นมาได้
  • ทำความสะอาดพรมและเครื่องเรือนที่บุนวมด้วยการดูดฝุ่นเป็นประจำ ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง 2 ชั้นหรือชนิดที่กรองอนุภาคต่าง ๆ แบบมีประสิทธิภาพสูง (High-Efficiency Particulate Air: HEPA  Filter) จำพวกฝุ่นผงต่าง ๆ ระหว่างดูดฝุ่นควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน แต่หากอาการภูมิแพ้รุนแรงก็ไม่ควรทำเอง และหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณนั้นขณะที่ดูดฝุ่นจนกระทั่งหลังจากดูดฝุ่นไปแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม การดูดฝุ่นธรรมดานั้นไม่ได้ช่วยกำจัดไรฝุ่นและสารจากไรฝุ่นที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ได้มากนัก
  • จัดระเบียบบ้านให้เรียบร้อย เพราะข้าวของสิ่งต่าง ๆ ที่มีฝุ่นเกาะย่อมเป็นแหล่งสะสมของตัวไรฝุ่น จึงควรย้ายของเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหลาย ของประดับตกแต่งบนโต๊ะ และหนังสือ ออกจากห้องนอน และควรทำความสะอาดเป็นประจำ เนื่องจากอาจเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่นที่สูดดมเข้าไปทุกวันขณะนอนหลับ
  • พิจารณาติดตั้งแผ่นกรองคุณภาพสูงในเครื่องปรับอากาศ โดยเลือกที่ใช้มาตรฐาน MERV ระดับ 11-12 เปิดเครื่องปรับอากาศในโหมดพัดลมเพื่อกรองอากาศทั่วบ้าน และควรต้องเปลี่ยนแผ่นกรองเป็นประจำทุก ๆ 3 เดือน
  • ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ผ้าม่านชนิดม้วนและหมั่นปัดฝุ่นทำความสะอาด
  • ใช้พรมชนิดที่ซักทำความสะอาดได้เท่านั้น