วิธีกินยาคุมที่ถูกต้องและปลอดภัย

วิธีกินยาคุมให้ถูกต้องและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ หากกินยาคุมอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ อาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากถึง 99 เปอร์เซ็นต์ และช่วยรักษาโรคบางอย่างที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ปวดประจำเดือน ไมเกรน สิว และเยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่ (Endometriosis) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ยาคุมกำเนิดมี 3 ประเภท คือยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Pills) ชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestin-only Pills) และยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งแต่ละประเภทจะมีจำนวนเม็ดยาในแผงและระยะเวลาที่ต้องกินแตกต่างกัน ผู้ที่ใช้ควรศึกษาวิธีกินให้ถูกต้อง โดยปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนกินยาคุม และกินยาตามวิธีที่ระบุบนฉลากอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและป้องกันการเกิดผลข้างเคียง

วิธีกินยาคุม

วิธีกินยาคุมแต่ละประเภท

ยาคุมกำเนิดจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์โดยยับยั้งกระบวนการตกไข่ในเพศหญิง สร้างเมือกที่บริเวณปากมดลูก ทำให้สเปิร์มเข้าไปผสมกับไข่ได้ยากขึ้น และทำให้ผนังมดลูกบางลงจนตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้  ซึ่งวิธีกินยาคุมแต่ละประเภทมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้

1. ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Pills)

ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิดคือ เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสติน (Progestin) ซึ่งสังเคราะห์จากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone)

โดยแนะนำให้เริ่มกินยาตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือนหรือไม่เกิน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีอื่นในการคุมกำเนิดร่วมด้วย แต่กรณีที่เริ่มกินหลังจากนั้น ควรงดมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 7 วัน หรือใช้วิธีคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น ใส่ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมที่นิยมใช้คือแบบแผงละ 21 เม็ด และ 28 เม็ด ซึ่งแต่ละแบบมีวิธีกินยาคุม ดังนี้

ยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด
ยาคุมกำเนิดแบบแผงละ 21 เม็ดจะประกอบด้วยเม็ดยาฮอร์โมนทุกเม็ด ไม่มียาหลอกหรือยาเม็ดแป้ง ซึ่งเป็นยาที่ไม่มีฮอร์โมน วิธีกินยาคุมชนิดนี้คือกินวันละ 1 เม็ดในเวลาเดียวกันทุกวันจนหมดแผง รวมเป็น 21 วัน จากนั้นให้เว้นระยะ 7 วันหากก่อนที่จะเริ่มแผงใหม่ โดยช่วง 7 วันที่หยุดกินอาจมีเลือดออกคล้ายประจำเดือนได้

ยาคุมกำเนิดแบบ 28 เม็ด
ยาคุมกำเนิดแบบ 28 เม็ดในแต่ละแผงจะประกอบด้วยเม็ดยาฮอร์โมน และเม็ดยาหลอก ยาคุมกำเนิดแบบ 28 เม็ดที่ใช้ในประเทศไทยมี 2 รูปแบบ คือ

  • แบบ 21+8 เม็ด ประกอบด้วยเม็ดยาฮอร์โมน 21 เม็ด และเม็ดยาหลอก 8 เม็ด
  • แบบ 24+4 เม็ด เป็นยาคุมกำเนิดรูปแบบใหม่ที่ประกอบด้วยเม็ดยาฮอร์โมน 24 เม็ด และเม็ดยาหลอก 4 เม็ด ซึ่งมีสารเอสโตรเจนน้อยกว่า และทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยกว่า

ยาคุมกำเนิดทั้ง 2 รูปแบบมีวิธีกินเหมือนกันคือ กินยาวันละ 1 เม็ดในเวลาเดียวกันทุกวันจนหมดแผง รวมเป็น 28 วัน  เมื่อกินยาหมดแผงแล้วสามารถเริ่มแผงใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องเว้นระยะ 7 วันเหมือนยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด

2. ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestin-only Pills หรือ Minipills) 

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนชนิดเดียว ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันตั้งครรภ์สูงไม่แตกต่างจากยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม โดยเหมาะสำหรับผู้ที่เกิดผลข้างเคียงจากการได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจน หญิงให้นมบุตร ผู้สูบบุหรี่ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง เป็นต้น

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวที่จำหน่ายในประเทศไทยมี 3 ตัวยา ได้แก่ ไลเนสทรีนอล (Lynestrenol) ดีโซเจสตรีล (Desogestrel) และดรอสไพรีโนน (Drospirenone) ทั้ง 3 ตัวยาจะประกอบด้วยยา 28 เม็ดต่อแผง บางชนิดเป็นยาฮอร์โมนทั้งแผง แต่บางชนิดมีทั้งยาฮอร์โมนและยาหลอกในแผงเดียวกัน

วิธีกินยาคุมชนิดนี้คือกินต่อเนื่องกันทุกวันจนหมดแผง และสามารถเริ่มแผงใหม่ต่อได้ทันที โดยไม่ต้องหยุดยา ควรกินยาในเวลาเดียวกันทุกวัน หรือไม่เกิน 3 ชั่วโมงจากเวลาที่กินยาเม็ดแรก ส่วนกรณีที่กินยาดีโซเจสตรีล ไม่ควรกินเกิน 12 ชั่วโมงจากเวลาปกติที่กิน เช่น เริ่มกินยาเวลา 9.00 น. ไม่ควรกินยาในวันถัดไปเกิน 12.00 น. เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์

ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดนี้สามารถเริ่มกินยาในวันใดก็ได้ ยาจะเริ่มออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้รวดเร็วหลังจากเริ่มกินยาได้ 2 เม็ด หรือ 2 วัน ดังนั้น ในช่วง 2 วันแรกที่เริ่มกินยาคุมชนิดนี้ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ หรือคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น ใส่ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์

3. ยาคุมฉุกเฉิน (Emergency Pill)

ยาคุมฉุกเฉินควรใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉิน เช่น ถุงยางรั่วหรือแตก นับระยะปลอดภัยผิดพลาด ถูกข่มขืน และการลืมกินยาคุมกำเนิด วิธีกินยาคุมฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพคือ กินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันหรือเกิดความผิดพลาดในการป้องกันการตั้งครรภ์ โดยตัวยาจะช่วยป้องกันการตกไข่ และอาจช่วยยับยั้งการฝังตัวของตัวอ่อนได้

อย่างไรก็ดี ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาคุมฉุกเฉินจะขึ้นอยู่กับชนิดของยา ผู้ใช้ยาควรปรึกษาเภสัชกรและใช้ยาตามที่ระบุบนฉลากยา นอกจากนี้ ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนการคุมกำเนิดปกติ เพราะมีปริมาณฮอร์โมนสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้

วิธีกินยาคุมสำหรับผู้ภาวะทางสุขภาพ
สำหรับผู้ที่ให้นมบุตร แพทย์หรือเภสัชกรมักแนะนำให้กินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว เนื่องจากไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ส่งผลให้ปริมาณน้ำนมน้อย โดยเริ่มกินได้ทันทีหลังจากคลอดหรือแท้งบุตร ส่วนการกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม สามารถเริ่มกินยาได้ทันทีหลังแท้งบุตร หรือเริ่มกินยาได้หลังจากคลอดบุตรไปแล้ว 3 สัปดาห์ กรณีที่ให้นมบุตรเองควรเริ่มกินยาหลังจากคลอดบุตรไปแล้ว 6 สัปดาห์

ผู้ที่ใช้ยา เช่น ยารักษาโรคลมชัก และยารักษาเอชไอวี (HIVs) หรืออาหารเสริมชนิดใดอยู่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาคุมกำเนิดทุกชนิด เพราะอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดลดลง และเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้

วิธีกินยาคุมหากลืมกินตามเวลาที่กำหนด
การลืมกินยาคุมหรือหยุดยาคุมจะเพิ่มโอกาสการตกไข่และพร้อมรับการปฏิสนธิจากอสุจิได้มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การตั้งครรภ์ตามมา วิธีกินยาคุมหลังจากลืมกินยาคุมแต่ละประเภทตามระยะเวลาที่กำหนด มีดังนี้

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
วิธีกินยาคุมกรณีที่ลืมกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ให้ปฏิบัติดังนี้

  • หากลืมกินยา  1 เม็ด ให้รีบกินยาทันทีที่นึกได้ และกินยาที่เหลือจนหมดแผงตามเวลาเดิม
  • หากลืมกินยา 2 วัน ให้กินพร้อมกัน 2 เม็ดทันที และกินอีก 2 เม็ดในวันถัดไป จากนั้นให้กินยาที่เหลือตามปกติจนกว่าจะหมดแผง โดยงดมีเพศสัมพันธ์www.pobpad.com/เพศสัมพันธ์-ดีต่อร่างกา 7 วัน หรือใช้ถุงยางอนามัยควบคู่ไปด้วย
  • หากลืมกินยา 3 เม็ด หรือมากกว่านั้น ให้หยุดกินยาแผงนั้นทันที แล้วรอเริ่มแผงใหม่ในวันแรกที่มีประจำเดือนในครั้งหน้า โดยในช่วงระหว่างนี้ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นแทน

หากลืมกินยาอยู่ช่วง 7 เม็ดแรกของแผงและมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันด้วย ควรกินยาคุมฉุกเฉิน และใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 7 วัน เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว
กรณีที่ลืมกินยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว มีข้อควรพิจารณาคือ คือลืมกินยาเกินหรือไม่เกิน 3 ชั่วโมงนับจากเวลาปกติที่กิน และควรดูที่ฉลากยาว่าเป็นตัวยาดีโซเจสตรีลหรือไม่ โดยมีวิธีการกินยาในแต่ละกรณี ดังนี้

  • กรณีที่ลืมกินยาคุมไม่เกิน 3 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 12 ชั่วโมงกรณีที่กินยาคุมเป็นตัวยาดีโซเจสตรีล ให้กินยาเม็ดที่ลืมกินทันทีที่นึกได้ และกินยาคุมเม็ดถัดไปตามเวลาปกติ ซึ่งอาจต้องกินยา 2 เม็ดในวันเดียวกัน
  • กรณีที่ลืมกินยาคุมเกิน 3 ชั่วโมง หรือเกิน 12 ชั่วโมงกรณีที่กินยาคุมเป็นตัวยาดีโซเจสตรีล ให้กินยาเม็ดที่ลืมกินทันทีที่นึกได้ โดยกินเพียงเม็ดเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะลืมกินยาหลายวัน จากนั้นให้กินยาคุมเม็ดถัดไปตามเวลาปกติ

ในระหว่างที่ลืมกินยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ควรงดการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ ร่วมด้วยเป็นเวลา 2 วันนับจากวันที่ลืมกินยา เนื่องจากยาคุมชนิดนี้เริ่มเวลาออกฤทธิ์ 2 วันหลังจากเริ่มกินยา

การคุมกำเนิดด้วยการกินยาอย่างถูกต้องตามวิธีกินยาคุมจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ โดยในช่วงแรกที่เริ่มกินยาคุมกำเนิดทุกประเภทอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ปวดหัว คัดเต้านม และอารมณ์แปรปรวน ซึ่งอาการเหล่านี้จะดีขึ้นภายใน 2–3 เดือน หากอาการไม่ดีขึ้นหรือเกิดอาการผิดปกติอื่น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม