Sevelamer (เซเวลาเมอร์)

Sevelamer (เซเวลาเมอร์)

Sevelamer (เซเวลาเมอร์) เป็นยาจับฟอสเฟต ออกฤทธิ์โดยจับฟอสฟอรัสที่ร่างกายได้รับจากการรับประทานอาหาร และช่วยไม่ให้ร่างกายดูดซึมฟอสฟอรัสเข้าไปในกระแสเลือด ใช้เพื่อควบคุมระดับฟอสฟอรัสในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่อยู่ในช่วงฟอกไต และใช้ป้องกันภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติที่เกิดจากปริมาณฟอสฟอรัสที่เพิ่มขึ้นในร่างกาย นอกจากนี้ อาจนำไปใช้รักษาโรคหรือภาวะสุขภาพอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ด้วย

เกี่ยวกับยา Sevelamer

กลุ่มยา ยาจับฟอสเฟต
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ ช่วยควบคุมระดับฟอสฟอรัสในเลือดที่เพิ่มสูงในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ฟอกไต และป้องกันภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติที่เกิดจากปริมาณฟอสฟอรัสที่เพิ่มขึ้นในร่างกาย
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยารับประทาน
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์

2014 Sevelamer rs

คำเตือนในการใช้ยา Sevelamer

  • แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนใช้ยาหากแพ้ยานี้ แพ้ส่วนผสมในยานี้ หรือแพ้ยาชนิดอื่น ๆ โดยอาจสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับส่วนผสมภายในยาด้วย
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่เคยใช้หรือกำลังใช้อยู่ ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อใช้ด้วยตนเอง วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพร และยาที่คิดว่าจะรับประทาน เพราะยาบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับยา Savelamer ได้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากมีปัญหาหรือเคยมีปัญหาด้านการกลืนอาหาร ท้องผูก อาหารย่อยช้า ลำไส้อุดตัน กระเพาะอาหารหรือลำไส้มีความผิดปกติ หรือเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหารหรือลำไส้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากกำลังตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร และแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นระหว่างที่รับประทานยานี้
  • หากใช้ยานี้ในระหว่างที่ตั้งครรภ์ อาจทำให้ระดับวิตามินหรือกรดโฟลิคในเลือดลดลง จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์ในการรับประทานแร่ธาตุหรือวิตามินระหว่างตั้งครรภ์อย่างเคร่งครัด
  • ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการตรวจเลือดอย่างสม่ำเสมอในช่วงที่รับประทานยา
  • ไปพบแพทย์ทันทีหากมีปัญหาด้านการกลืนยา หรือรู้สึกว่ายาติดอยู่ที่หลอดอาหารหลังจากกลืนยาลงไป
  • ห้ามใช้ยานี้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี

ปริมาณการใช้ยา Sevelamer

ภาวะฟอสฟอรัสในเลือดสูงในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง
ตัวอย่างการใช้ยา Sevelamer เพื่อรักษาภาวะฟอสฟอรัสในเลือดสูงในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง

ผู้ใหญ่ สำหรับยา Sevelamer Carbonate หรือ Sevelamer HCI ให้รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 800-1,600 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง และควรปรับปริมาณยาตามระดับฟอสฟอรัสในเลือด โดยมีปริมาณยาที่ใช้รักษาต่อเนื่อง คือ วันละ 800-4,000 มิลลิกรัม ซึ่งอาจเปลี่ยนจากการรับประทานยาแคลเซียม อะซีเตท ไปรับประทานยา Sevelamer โดยดูจากปริมาณยาปัจจุบัน ซึ่งปริมาณยาแคลเซียม อะซีเตท 667 มิลลิกรัม จะเทียบเท่ากับปริมาณยา Sevelamer Carbonate หรือ Sevelamer HCI 800 มิลลิกรัม

การใช้ยา Sevelamer

  • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งและตามฉลากยาอย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  • ห้ามรับประทานยาในปริมาณที่น้อยหรือมากเกินไป และห้ามใช้ยาเกินกว่าระยะเวลาที่แพทย์สั่ง
  • หากลืมรับประทานยา ให้รีบรับประทานยาพร้อมกับอาหารเมื่อนึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงเวลาที่ต้องรับประทานยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยารอบต่อไป โดยไม่ต้องรับประทานยาทดแทน
  • ขณะใช้ยานี้ ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการตรวจเลือดเพื่อดูการตอบสนองของร่างกายต่อการรักษาด้วยยานี้ ดังนั้น ผู้ป่วยจึงควรไปพบแพทย์และเข้ารับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ
  • ห้ามให้ผู้อื่นรับประทานยาของตนเอง และควรสอบถามแพทย์หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเติมยา
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีกำจัดยาที่ไม่ใช้แล้วอย่างเหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่าเด็ก สัตว์เลี้ยง หรือคนอื่น ๆ จะไม่รับประทานยาต่อ และไม่ควรทิ้งยาลงในชักโครก  
  • เก็บยาไว้ในบรรจุภัณฑ์ยา โดยปิดบรรจุภัณฑ์ให้สนิท และเก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้องให้ห่างจากความชื้นและความร้อนสูง รวมทั้งเก็บยาให้พ้นจากสายตาเด็ก เพราะเด็กอาจเปิดบรรจุภัณฑ์ยาบางชนิดได้ง่าย

ข้างเคียงจากการใช้ยา Sevelamer

ระหว่างที่ผู้ป่วยรับประทานยา Sevelamer อาจได้รับผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป ดังนี้

  • เหนื่อยล้า คลื่นไส้ อาเจียน
  • เรอ รู้สึกอิ่ม เบื่ออาหาร
  • มีอาการคัน ปวดข้อต่อ แสบร้อนกลางอก
  • ท้องผูก อุจจาระร่วง
  • ไม่สบายท้อง มีแก๊สหรือลมในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ มีกรดในกระเพาะอาหาร ท้องอืด ผายลม

ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์หากอาการเหล่านี้มีความรุนแรงขึ้นหรือเป็นไม่หาย หรือหากมีสัญญาณของอาการแพ้ เช่น หายใจไม่สะดวก มีอาการบวมที่หน้า ปาก ลิ้น คอ หรือเป็นลมพิษ เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยานี้และไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการต่าง ๆ เช่น สำลักหรือมีปัญหาด้านการกลืนอาหาร อุจจาระมีสีดำ มีเลือดปน หรือเหนียวเหมือนดินน้ำมัน ท้องผูกอย่างรุนแรงโดยไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น อาการท้องผูกแย่ลงหรือมีอาการปวดท้องร่วมด้วย เป็นต้น