ไซโลโดซิน (Silodosin)

ไซโลโดซิน (Silodosin)

Silodosin (ไซโลโดซิน) เป็นยาที่ใช้รักษาอาการจากโรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia) เช่น ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะขัด ปัสสาวะไหลช้า ปวดปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะเล็ด โดยการออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อต่อมลูกหมากและกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ

แพทย์ยังอาจใช้ยานี้เพื่อรักษาโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ และความเหมาะสมต่อผู้ป่วยแต่ละคน

ไซโลโดซิน (Silodosin)

เกี่ยวกับยา Silodosin

กลุ่มยา แอลฟา–บล็อกเกอร์ (Alpha–Blockers)
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ บรรเทาอาการจากโรคต่อมลูกหมากโต
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ชายอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรืออาจพบผลไม่พึงประสงค์ในสัตว์ และยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า มีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้ว ยา Silodosin จะใช้ในผู้ป่วยเพศชายเป็นหลัก
รูปแบบของยา ยารับประทาน

คำเตือนในการใช้ยา Silodosin

เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา Silodosin ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • ก่อนใช้ยา Silodosin ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยาต่าง ๆ โดยเฉพาะยานี้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากกำลังป่วยเป็นโรคตับ โรคไต โรคหัวใจ มะเร็งต่อมลูกหมาก ต้อกระจก ต้อหิน ความดันโลหิตต่ำ ภาวะความดันโลหิตต่ำจากการเปลี่ยนท่า กำลังใช้ยาขับปัสสาวะ หรืออยู่ในช่วงควบคุมอาหารที่มีส่วนผสมของเกลือสูง
  • ยา Silodosin เป็นยาที่ใช้สำหรับผู้ป่วยเพศชายที่มีอายุมากกว่า 18 ปีเท่านั้น
  • ผู้ที่กำลังใช้ยานี้หรือมีประวัติใช้ยานี้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟัน โดยเฉพาะการผ่าตัดต้อกระจกและต้อหิน ควรแจ้งแพทย์และทันตแพทย์ให้ทราบก่อน
  • ผู้สูงอายุที่ใช้ยานี้อาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการแทรกซ้อนได้ง่าย โดยเฉพาะอาการหน้ามืด หรือเวียนศีรษะขณะเปลี่ยนท่าทาง ผู้สูงอายุที่ต้องใช้ยานี้ควรปฏิตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การขับขี่ยานพาหนะ และการทำกิจกรรมที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาในขณะที่ใช้ยานี้ เนื่องจากการใช้ยานี้อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการเวียนศีรษะได้มากขึ้น  

ปริมาณการใช้ยา Silodosin 

การใช้ยา Silodosin เพื่อรักษาโรคต่อมลูกหมากโตในผู้ใหญ่ แพทย์จะให้ผู้ป่วยรับประทานยาในปริมาณ 8 มิลลิกรัม/วัน โดยอาจให้รับประทานเป็นครั้งละ 8 มิลลิกรัมเพียงครั้งเดียว หรือแบ่งปริมาณให้น้อยลงแต่รับประทาน 2 ครั้งใน 1 วัน 

ในบางกรณีแพทย์อาจปรับปริมาณยาให้น้อยลง ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และอาการของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยา Silodosin จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาและความเหมาะสมต่อผู้ป่วยแต่ละคน

การใช้ยา Silodosin

ผู้ป่วยที่ใช้ยา Silodosin ควรรับประทานยาในปริมาณที่แพทย์แนะนำ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ผู้ป่วยไม่ควรหยุดยาเองแม้อาการจะดีขึ้น เนื่องจากการรับประทานยานี้ให้เห็นผลต้องรับประทานอย่างต่อเนื่อง

ยานี้สามารถรับประทานได้ทั้งแบบพร้อมอาหารและหลังอาหาร หากรับประทานหลังอาหาร ผู้ป่วยควรรับประทานยาหลังอาหารทันที โดยผู้ป่วยควรจะรับประทานยาในเวลาเดิมของทุกวันเพื่อให้ยาออกฤทธิ์ต่อเนื่อง และป้องกันการลืมรับประทานยา

ในกรณีที่ผู้ป่วยลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้ถึงเวลารับประทานยารอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาในรอบถัดไปได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็นสองเท่า และแจ้งให้แพทย์ทราบหากลืมรับประทานยาบ่อย ๆ

ในระหว่างที่ใช้ยานี้ แพทย์อาจนัดผู้ป่วยมาตรวจความดันโลหิต และประเมินการไหลของปัสสาวะเป็นระยะ ๆ เพื่อตรวจการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง

สำหรับการเก็บรักษายา Silodosin ให้ผู้ป่วยเก็บยาในที่แห้งในอุณหภูมิห้อง และเก็บให้พ้นมือเด็ก โดยหลีกเลี่ยงความร้อน ความชื้น และแสง

ปฏิกิริยาระหว่างยา Silodosin กับยาอื่น

ก่อนใช้ยา Silodosin ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำลังใช้ยาอื่น ๆ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ อยู่ โดยเฉพาะยาในกลุ่มดังต่อไปนี้

  • ยาต้านเชื้อรา
  • ยารักษาภาวะความดันโลหิตสูง
  • ยารักษาโรคหัวใจ
  • ยารักษาภาวะความดันเลือดปอดสูง 
  • ยารักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
  • ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวี
  • ยารักษาโรคไวรัสตับเอกเสบ ซี 
  • ยาปฏิชีวนะ 
  • ยารักษาโรคทางภูมิคุ้มกัน
  • ยารักษาโรคเก๊าท์
  • ยารักษาโรคลมชัก
  • ยาตัวอื่นในกลุ่มแอลฟา–บล็อกเกอร์

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Silodosin 

การใช้ยา Silodosin อาจส่งผลให้ผู้ป่วยพบอาการบางอย่างได้ เช่น เวียนศีรษะ โดยเฉพาะขณะเปลี่ยนท่าทางอย่างฉับพลัน ง่วงซึม ปวดศีรษะ ท้องเสีย คัดจมูก มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ หัวใจเต้นเร็ว น้ำอสุจิหลั่งน้อยผิดปกติหรือไม่มีน้ำอสุจิเลย โดยผู้ที่พบอาการเหล่านี้แล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือมีความรุนแรงขึ้น ให้ไปพบแพทย์เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย

ผู้ที่มีอาการเวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลมขณะเปลี่ยนท่าทางอย่างฉับพลัน อาจบรรเทาอาการด้วยตัวเองในเบื้องต้นโดยการเปลี่ยนอิริยาบทช้า ๆ หากลองแล้วอาการไม่ดีขึ้น ให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการดูแลที่เหมาะสม

ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาและรีบไปพบแพทย์ทันที หากพบอาการที่มีความรุนแรงหลังจากใช้ยา เช่น

  • อาการแพ้ยา เช่น มีผื่นขึ้น หายใจไม่ออก เวียนศีรษะขั้นรุนแรง หรือรู้สึกคันและมีอาการบวมบริเวณใบหน้า ลิ้น ริมฝีปาก และลำคอ
  • อวัยวะเพศแข็งตัวนานหลายชั่วโมงติดต่อกัน และอาจมีอาการเจ็บร่วมด้วย