วิธีใช้ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์อย่างถูกต้องและปลอดภัย

ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์ (Steroid Nasal Spray) เป็นยาที่แพทย์อาจแนะนำให้กับผู้ป่วยบางรายที่มีอาการอักเสบเฉพาะที่บริเวณโพรงจมูก เช่น ไข้ละอองฟาง ไซนัสอักเสบ จมูกอักเสบที่ไม่ได้เกิดภูมิแพ้ หรือริดสีดวงจมูก ซึ่งผู้ป่วยควรใช้ยาอย่างถูกวิธีและใช้ตามคำสั่งของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย

ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์ที่สั่งจ่ายโดยแพทย์หรือจำหน่ายโดยเภสัชกรนั้นมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น ยาเบโคลเมทาโซน (Beclomethasone) ยาบูเดโซไนด์ (Budesonide) ยาฟลูติคาโซน (Fluticasone) และยาโมเมทาโซน (Mometasone) โดยยาพ่นจมูกเหล่านี้จะออกฤทธิ์ลดอาการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล หรืออาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกได้

วิธีใช้ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์อย่างถูกต้องและปลอดภัย

ขั้นตอนการใช้ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์

ผู้ป่วยควรอ่านฉลากยาพ่นจมูกสเตียรอยด์ให้ละเอียดถี่ถ้วนและใช้ยาในปริมาณและระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น หากมีข้อสงสัยในการใช้ยาพ่นจมูกสามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย

ในเบื้องต้นก่อนเริ่มพ่นยาควรเขย่าบรรจุภัณฑ์ยาให้เรียบร้อย ล้างมือให้สะอาด สั่งน้ำมูกให้จมูกโล่ง แล้วจึงปิดรูจมูกไว้ 1 ข้าง ก้มศีรษะไปด้านหน้าเล็กน้อย จากนั้นใช้นิ้วกดพ่นยาเข้าบริเวณรูจมูกข้างที่ไม่ได้ปิดไว้พร้อมกับสูดหายใจเข้าช้า ๆ โดยไม่หันหัวฉีดยาเข้าหาผนังกั้นโพรงจมูก ทำสลับกับจมูกอีกข้างหนึ่งด้วยวิธีเดียวกันในกรณีที่ต้องพ่นยาในจมูกทั้งสองข้าง

ทั้งนี้ ผู้ป่วยไม่ควรจามหรือสั่งน้ำมูกทันทีหลังพ่นยา และเมื่อพ่นยาเสร็จแล้วก็ควรบ้วนปากและกลั้วคอทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในช่องปาก อาการระคายเคืองคอ และเสียงแหบ  

ยาพ่นจมูกชนิดนี้สามารถใช้ติดต่อกันในระยะยาวหรือใช้เมื่อจำเป็น ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพของผู้ป่วยและดุลยพินิจของแพทย์หรือเภสัชกร แต่ปกติแล้วการใช้ยาอย่างต่อเนื่องจะให้ประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีกว่า โดยผู้ป่วยอาจต้องใช้ยาเป็นประจำติดต่อกันประมาณ 2 สัปดาห์หรือนานกว่านั้นจนกว่าอาการจะดีขึ้นหรือควบคุมอาการได้

ข้อควรระวังของการใช้ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์

การใช้ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์นั้นมีข้อจำกัด ข้อควรระวัง และผลข้างเคียงเช่นเดียวกับยาชนิดอื่น จึงควรอ่านฉลากยาหรือขอคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ โดยรายละเอียดที่ควรรู้จะมีดังนี้

กลุ่มเสี่ยงที่มีปัญหาสุขภาพ

ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์อาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพบางประการหรือบางช่วงอายุ จึงควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนใช้ยา เช่น แพ้ยาสเตียรอยด์ โรคตับ โรคไต วัณโรคหรือติดเชื้อที่จมูก อยู่ในช่วงรับประทานยาสเตียรอยด์หรือฉีดยาสเตียรอยด์เข้าเส้นเลือด เพิ่งผ่านการผ่าตัดบริเวณจมูก รวมไปถึงผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ผู้ให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ

การทำปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาที่หาซื้อได้เอง ยาที่สั่งจ่ายโดยแพทย์ วิตามิน สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับยาพ่นจมูกสเตียรอยด์ จนส่งผลให้ยามีประสิทธิภาพลดลงหรือก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ ผู้ป่วยจึงควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับยาหรือผลิตภัณฑ์ใดที่กำลังใช้อยู่ด้วย

การหยุดใช้ยา

หากผู้ป่วยใช้ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์ตามที่เภสัชกรแนะนำสามารถหยุดใช้ยาได้หากควบคุมอาการได้แล้ว สำหรับผู้ป่วยที่ใช้ยาสั่งจ่ายโดยแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับลดหรือหยุดการใช้ยาอย่างปลอดภัย เพราะหากหยุดใช้ยาอย่างกะทันหันด้วยตัวเองอาจเสี่ยงต่ออาการถอนยาได้ เช่น รู้สึกเหนื่อยมาก ปวดข้อต่อ เวียนศีรษะ อาเจียน เบื่ออาหาร หรือมีปัญหาในการนอนหลับ

การใช้ยาเกินขนาด

การใช้ยาพ่นจมูกในปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดขึ้นผลข้างเคียงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และอาจส่งผลต่อฮอร์โมนบางชนิดในร่างกาย อีกทั้งยังอาจกระทบต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของผู้ป่วยที่เป็นเด็กด้วย    

ผลข้างเคียงของการใช้ยา

ปกติแล้วยาพ่นจมูกสเตียรอยด์มักปลอดภัยกับผู้ป่วยที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ หากผู้ป่วยใช้ยาตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำอย่างเคร่งครัดก็มักไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา แต่ผู้ป่วยบางรายอาจพบผลข้างเคียงบางอย่างได้ เช่น แสบจมูก จมูกแห้ง จมูกบวม แดง หรือคัน จาม คอแห้งหรือระคายเคือง มีรสชาติขมในปาก ปวดศีรษะ เลือดกำเดาไหล หรือติดเชื้อในโพรงจมูก

อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยที่ใช้ยาพ่นจมูกแล้วพบสัญญาณของอาการแพ้ยาอย่างผื่น อาการบวมบริเวณปากหรือใบหน้า และหายใจลำบาก ควรหยุดใช้ยาแล้วไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว