รู้จักกับประโยชน์ของตับและข้อควรรู้ก่อนรับประทาน

แม้ตับจะเป็นอาหารที่มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบเนื่องจากรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าประโยชน์ของตับนั้นดีต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน เพราะตับถือเป็นแหล่งของสารอาหารมากมาย ทั้งธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี 12 วิตามินเค และแร่ธาตุต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ตับมีสารอาหารบางชนิดค่อนข้างสูง การรับประทานตับจึงอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีสำหรับบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพบางอย่างอยู่ บทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับการรับประทานตับ ทั้งในแง่ของประโยชน์และข้อควรระวัง มาให้ทุกคนได้ศึกษาและทำความเข้าใจก่อนรับประทานกัน

รู้จักกับประโยชน์ของตับและข้อควรรู้ก่อนรับประทาน

ประโยชน์ของตับ อาหารที่หลายคนมองข้าม

การรับประทานตับอาจส่งผลดีต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน เช่น

ช่วยควบคุมน้ำหนัก

ตับเป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำ โดยในปริมาณ 100 กรัม ทั้งตับหมู ตับไก่ และตับวัวจะให้พลังงานที่ประมาณ 160–190 กิโลแคลอรี่ พร้อมกับให้โปรตีนอีกประมาณ 24–28 กรัม โดยโปรตีนจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ของร่างกายให้สูงขึ้น ช่วยให้กระบวนการสร้างกล้ามเนื้อของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น และช่วยป้องกันการสลายตัวของกล้ามเนื้อระหว่างควบคุมน้ำหนัก

อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่พบว่าการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงอาจช่วยให้รู้สึกอิ่มง่ายขึ้น ผู้ที่อยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนักจึงอาจคุมความอยากอาหารได้ดีขึ้น

บำรุงกระดูก

ตับถือเป็นอาหารบำรุงกระดูกที่ดี เนื่องจากตับเป็นแหล่งของวิตามินเค ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยให้ร่างกายนำแคลเซียมไปใช้ในกระบวนการเสริมสร้างกระดูกได้ดีขึ้น

ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจาง

ตับเป็นอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง โดยธาตุเหล็กถือเป็นสารอาหารสำคัญที่อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจางบางชนิดได้ นอกจากนี้ ตับยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 12 ซึ่งเป็นวิตามินที่จะทำงานร่วมกับธาตุเหล็กเพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์เม็ดเลือดต่าง ๆ ในร่างกาย

ข้อควรรู้ควรระวังเกี่ยวกับการรับประทานตับ

นอกจากประโยชน์ของตับในข้างต้นแล้ว การรับประทานตับยังมาพร้อมกับข้อควรระวังบางอย่าง เช่น

  • คอเลสเตอรอลสูง โดยปกติแล้วผู้ที่มีสุขภาพดีและไม่มีโรคประจำตัวมักไม่พบผลกระทบใด ๆ จากการรับประทานตับ แต่ผู้ที่แพทย์แนะนำให้ควบคุมหรือลดคอเลสเตอรอลอยู่อาจเกิดผลกระทบบางอย่างจากการรับประทานตับได้
  • ภาวะพิษจากวิตามินเอ การได้รับวิตามินเอมากเกินอาจเป็นผลเสียได้ โดยเฉพาะในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากมีงานวิจัยบางชิ้นพบว่าการรับประทานวิตามินเอมากเกินไปติดต่อกันเป็นระยะเวลานานขณะตั้งครรภ์อาจส่งผลให้ทารกเกิดความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด (Birth Defects) ได้ นอกจากนี้ ระดับวิตามินเอที่สูงยังอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของยาบางชนิดได้ เช่น ยาออริสแตท (Orlistat) หรือกลุ่มยาที่ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงิน 
  • มีสารพิวรีนสูง สารพิวรีนอาจส่งผลให้ร่างกายผลิตกรดยูริกมากขึ้นและเกิดการสะสมได้ โดยการสะสมของกรดยูริกอาจส่งผลให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเก๊าท์ (Gout) อยู่แล้วเกิดอาการปวดตามข้อได้

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย ผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพในข้างต้นก็อาจเลี่ยงการรับประทานตับไปก่อน ส่วนผู้ที่ชอบรับประทานตับเป็นประจำอาจลดปริมาณลง หรือผู้ที่อยากเริ่มรับประทานตับก็อาจจะรับประทานให้พอเหมาะ หรือหากเป็นไปได้ อาจไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจดูว่าร่างกายขาดหรือต้องการสารอาหารใดบ้าง เพื่อให้แพทย์แนะนำแนวทางที่เหมาะสม

นอกจากนั้น ควรคำนึงถึงความสะอาดของตับ ปรุงตับให้สุกก่อนรับประทาน และควรเลือกรับประทานอาหารชนิดอื่นให้หลากหลายร่วมด้วย เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์ของตับอย่างเต็มที่และปลอดภัย รวมทั้งช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลาย