ถามแพทย์

  • อายุ 12 ปี เบื่อหน่ายการไปโรงเรียน ชอบร้องไห้ นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร เครียดกับการสอบ คิดอยากตาย ควรทำอย่างไรดี

  •  Siriprapa
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะคุณหมอ ตอนนี้หนูอายุ 12 ขวบ คือเมื่อก่อนหนูเป็นเด็กที่รับผิดชอบไม่เคยกังวลกับเรื่องเรียนไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายการไปโรงเรียน ชอบยิ้ม ชอบเที่ยว ชอบอยู่กับเพื่อนๆ แคร์ความรู้สึกทุกๆคนเลยค่ะ หนูเริ่มรู้สึกตัวเองเมื่อต้นเดือนค่ะว่าพักหลัง หนูชอบอยู่คนเดียว คิดแต่ว่าอยากไปอยู่คนเดียว ไม่ค่อยแคร์ใครเรียกได้ว่าไม่แคร์เลยค่ะ แล้วก็เบื่อหน่ายการไปโรงเรียน ไม่ค่อยสดใสแบบเมื่อก่อน ติดบ้านติดห้องไม่เที่ยวไม่ไปไหน เพื่อนก็ไม่ไปค่ะ แล้วชอบร้องไห้คนเดียว เวลามีคนรู้ว่าตัวเองร้องไห้ อย่างเช่น พ่อแม่เข้ามาในห้องตอนร้องไห้แล้วไม่ยอมออกไปหนูก็คิดอย่างเดียวคืออยากให้เขาออกไป แล้วถ้าเขาไม่ออกก็จะร้องหนักขึ้นจนร้องอยากตายประมาณนี้ค่ะ พักนี้นอนไม่หลับหลับๆตื่นๆ สิ่งที่เคยสนใจตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะทั้งๆที่สนใจมากๆและไม่เคยทิ้งความสนใจนั้น อีกอย่างหนูโดนกดดันเรื่องการเรียน การสอบเข้าม.1 หนูเลยชอบเครียกแล้วพ่อชอบพูดแรงๆเช่นคำว่า"ก็โง่อยู่แบบนี้เลยไปไหนไม่ได้"ไม่ว่าจะเป็นการกดดันเล็กๆน้อยๆก็ร้องไห้แล้วค่ะ แล้วเวลาร้องไห้จะนึกถึงอย่างเดียวคือการกรีดแขน..หนูควบคุมตัวเองไม่ได้ถ้าไม่ทำมันอึดอัดคล้ายกับว่าจะนอนร้องไห้ดิ้นไปมา เคยมีความคิดอยากตายเคยมีความคิดที่จะซื้อยานอนหลับมาทานในปริมาณมากๆ และช่วงนี้ใกล้สอบเข้าม.1ทำให้กดดันไปอีก หนูสังเกตุตัวเองมาตลอดค่ะ และคิดว่ามีอาการเสี่ยงไม่งั้นก็เป็นโรคภาวะหมดไฟทำงาน หนูสับสนหนูควรพบแพทย์มั้ยคะ หรือว่าควรทำอย่างไร
    Siriprapa  Siriprapa
    สมาชิก
    แล้วก็มีอาการเบื่ออาหารไม่ค่อยทานข้าวดื่มแต่น้ำค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Siriprapa,

                    อาการต่างๆ ที่เล่ามานั้นเป็น ถือว่ามีอาการซึมเศร้า หากอาการซึมเศร้าเป็นอยู่นานต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ก็ถือเป็นโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งเป็นโรคที่ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดังนี้

                   1.อารมณ์เปลี่ยนไป ที่พบบ่อยคือกลายเป็นคนเศร้าสร้อย หดหู่ ไม่แจ่มใส ไม่สดชื่น สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย เบื่อหน่ายไปหมดทุกสิ่งอย่าง สิ่งที่เคยชอบทำก็ไม่ชอบทำ รู้สึกไม่มีความสุข บางคนอาจหงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย อารมณ์ร้อนขึ้น 

     

                   2. ความคิดเปลี่ยนไป มองอะไรก็รู้สึกแย่ไปหมด มองเห็นแต่ความผิดพลาดของตนเอง มองไม่เห็นอนาคต หมดหวัง ท้อแท้ รู้สึกตนเองไร้ค่า ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง รู้สึกเป็นภาระกับคนอื่น คิดถึงเรื่องการตายอยู่บ่อยๆ เมื่ออารมณ์เศร้ามีมากขึ้น ก็อาจถึงขั้นวางแผนการตายและทำร้ายตนเองได้

     

                   3. สมาธิความจำแย่ลง หลงลืมง่าย จิตใจเหม่อลอย ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทำงานผิดๆถูกๆ 

     

                   4. อาการทางกาย เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า นอนหลับยาก หรือนอนมากไป เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดหัว ปวดเมื่อยตัว ท้องอืด ท้องผูก

                 

                   5. การงานแย่ลง ความรับผิดชอบต่องานลดลง ทั้งงานภายนอกและงานบ้าน เมื่อทำงานผิดพลาดบ่อยๆ หรือลางานบ่อยๆ ก็มักถูกให้ออกจากงาน หรือหากยังเรียนอยู่ ผลการเรียนมักแย่ลง ในทางกลับกันการที่อยู่ในช่วงใกล้สอบ ถูกกดดัน อาจทำให้อาการต่างๆ ของโรคซึมเศร้าแย่ลงได้

          

                   6. อาการโรคจิต มักพบในผู้ที่มีโรคซึมเศร้ารุนแรง  เช่น อาการหลงผิด ประสาทหลอน

     

                    การเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ได้หมายความว่า เราเป็นคนอ่อนแอ คิดมาก ไม่สู้ปัญหา เอาแต่ท้อแท้ เอาแต่ร้องไห้ แต่ที่เป็นอยู่ เพราะกำลังเป็นโรค ซึ่งก็เหมือนกับการเป็นโรคอื่นๆ หากได้รับการรักษาที่ถูกวิธี โรคก็จะทุเลาลง จนหายเป็นปกติได้ในที่สุดค่ะ ในเบื้องต้นควรเล่าให้พ่อ แม่ ทราบถึงอาการต่างๆ ที่เราเป็นแค่ แม้เริ่มต้นจะไม่มีใครเข้าในอาการของเรา แต่อย่างน้อยก็ขอให้มีคนรับรู้ไว้เป็นเบื้องต้นค่ะ หลังจากนั้นแนะนำให้น้อง Siriprapa ไปพบจิตแพทย์ค่ะ ในบางครั้งโรคซึมเศร้า อาจมีสาเหตุมาจากโรคทางกาย เช่น มีภาวะไทรอยด์ต่ำ ขาดวิตามินบางอย่าง เนื้องอกในสมอง สมองอักเสบ เป็นต้น ดังนั้นแพทย์จะทำการตรวจหาสาเหตุจากโรคเหล่านี้ก่อนค่ะ หากไม่มีโรคเหล่านี้ การรักษาโรคซึมเศร้าก็มีทั้งยาต่างๆ ที่จะช่วยลดอาการลงได้ รวมถึงการรักษาทางจิตบำบัด และอื่นๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้อาการดีขึ้นไวไวนะคะ