ถามแพทย์

  • เสี่ยงติดhivไหม

  •  Jin96
    สมาชิก
    ไปเจาะเลือดตรวจหาเชื้อhivมาตอนเจาะแขนหาเส้นไม่เจอดิ่งเลือดไม่ได้เจ้าหน้าที่ไปตามคนมาช่วย2คนแล้วย้ายมาเจาะเลือดแขนซ้ายแทน(โดยเข็มที่กำลังใช้เจาะเลือดแขนขวานั้นเปลี่ยนเข็มแล้วแต่ใช้กระบอกฉีดยาอันเดิมกับที่ใช้เจาะแขนขวา)เจ้าหน้าที่เข้ามาใหม่คนแรกถือเข็มไว้โดยเอาปลอกพลาสติกหุ้มเข็มออกก่อนจะพยายามหาเส้นที่แขนข้างซ้ายในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่คนสองที่ยืนมองอยู่ก็กำลังบอกว่าต้องเจาะตรงไหนแต่คนถือเข็มเหมือนจะไม่เข้าใจเจ้าหน้าที่คนที่บอกจึงทนไม่ไหวหยิบเข็มมาจากคนที่ถือก่อนหน้าแล้วมาเจาะเลือดที่แขนซ้ายเรา #อยากถามว่าถ้าในขณะที่หยิบเข็มถ้าปลายเข็มไปเกี่ยวหรือทิ้มมือแขนของคนที่ถือเข็มก่อนหน้าจนถึงกับมือเลือดออกติดมาที่ปลายเข็มด้วยแล้วเขาเอามาเจาะเลือดเราจะเสี่ยงติดhivไหมและถ้าเสี่ยงมีความเสี่ยงมากเท่าใด?

    สวัสดีคะคุณ Jin96

    ส่วนสิ่งที่คุณต้องทำคือ คุณต้องทราบก่อนว่า คุณควรที่จะได้พบแพทย์เมื่อไหร่เพื่อตรวจว่าคุณมีการติดเชื้อหรือไม่

    ก่อนอื่นเราต้องทำการตรวจระยะแรกก่อน ซึ่งเป็นการตรวจ ที่เรียกว่าการตรวจควบคู่ ระหว่าง HIV antibody และ HIV antigen  คือการตรวจหาภูมิคุ้มกันและตัวเชื้อควบคู่กัน การตรวจนี้ในคนส่วนใหญ่สามารถตรวจพบได้ภายใน 2-6 สัปดาห์ หลังจากสัมผัสเชื้อ

    แต่ถ้าตรวจเฉพาะ HIV antibody testing ตรวจได้ทั้งจากเลือดและจากน้ำลาย ส่วนใหญ่จะตรวจพบ หลังการสัมผัสเชื้อ ภายในระยะเวลา 3-12 สัปดาห์

    หรืออาจจะตรวจ p24 antigen ซึ่งตรวจน้อย และการแปลผลอาจถูกรบกวนได้ด้วยตัวแปรอื่น

    ถ้าการตรวจข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่งให้ผลบวก จะต้องมีการตรวจครั้งที่สอง เพื่อยืนยัน โดยการตรวจภูมิคุ้มก้น ซึ่งแตกต่างจากการตรวจแรกถ้าให้ผลบวกอีกครั้ง ให้ตรวจครั้งที่สาม เพื่อจำนวย ไวรัส ซึ่งเรียกว่า HIV RNA test ซึ่งสามารถตรวจหาได้ภายใน 1-4 สัปดาห์หลังการติดเชื้อ

    ลักษณะอาการที่จะเกิดขึ้นถ้ามีการติดเชื้อไวรัส เอช ไอ วี แบ่งเป็น 3 ระยะ

    ระยะแรก เรียกว่า การติดเชื้อระยะแรก ( acute HIV infection stage ) ซึ่งระยะนี้ อาการจะเกิดขึ้นได้ ภายใน 2-4 สัปดาห์ ลักษณะอาการจะมีลักษณะเหมือนการติดเชื้อไวรัสทั่วไป จะมาด้วยอาการไข้ ปวดตามตัว เจ็บคอ มีผื่น ปวดตามข้อ ถ้าคุณมีอาการดังต่อไปนี้ควรจะรีบไปพบแพทย์โดยด่วน ซึ่งในกรณีของคุณหมอขอแนะนำว่าคุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยัน ในระยะนี้ไวรัสจะมีจำนวนมากดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ไม่ควรใช้สารเสพติดที่ฉีดเข้าเส้นเลือดโดยใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น

    ระยะต่อมา จะเป็นระยะที่ไวรัสเริ่มจะอาศัยอยู่ในตัวคนไข้ แต่จะไม่แสดงอาการอะไร เรียกว่า clinical latency stage ซึ่งคือจำนวนไวรัสอาจจะไม่ได้มีมากและระยะนี้อาจยาวนานได้ถึง 10 ปี แต่ระยะยังมีการแพร่กระจายของโรคได้

    ระยะสุดท้ายระยะที่เรียกว่า เอดส์ (AIDS)  ซึ่งระยะนี้ระดับภูมิคุ้มกันจะต่ำมากทำให้มีโอกาสติดเชื้อฉวยโอกาสได้ขึ้นอยู่กับจำนวน CD 4 ที่เหลืออยู่

    ปัจจุบันมียาต้านไวรัสหลายกลุ่มให้เรียกใช้ ดังนั้น ถ้าคุณตรวจพบแต่เนิ่น ๆ และ รักษาอย่างรวดเร็ว และไม่เพิ่มภาวะเสี่ยง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์สะอาด และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้คุณสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้

     

    นอกเหนือจากการติดเชื้อ เอช ไอ วี แล้วคุณควรได้รับการตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ไวรัสตับอักเสบ บี ซี และ โรคซิฟิลิส เป็นต้น