ถามแพทย์

  • ประจำเดือนไม่มา ตรวจแล้วไม่ท้อง ได้กินยาคุมไป มีเลือดออกกะปริดกะปรอย จะเริ่มทานยาแผงใหม่ได้ไหม

  •  Aomsii
    สมาชิก
    เริ่มกินยาแผงแรกตอนประจำเดือนยังไม่มา เพราะประจำเดือนไม่มาประมาณ2เดือนค่ะ(ปกติเป็นคนประจำเดือนมาไม่ตรงอยู่แล้ว เคยมีช่วงขาดๆเดือนสองเดือนแบบนี้แล้วด้วยค่ะ)แต่ตอนนั้นตรวจครรภ์แล้วก็ขึ้นขีดเดียว ตรวจครรภ์วันที่15ก.ค. เริ่มกินยาเม็ดแรกแผงแรกวันที่ 25ก.ค.ค่ะไม่ได้เริ่มกินตามที่ประจำเดือนหมดวันแรกเพราะประจำเดือนไม่มาสักทีเลยตัดสินใจกินเลย แต่เมื่อวันที่8ส.ค.(กินมาได้14เม็ด)เลือดออกกระปริบกระปอยค่ะ วันที่9,10ส.ค.ก็ออกแต่ไม่เยอะมาก แต่วันนี้(11ส.ค.)ออกเยอะแบบประจำเดือนมาเลยค่ะ(กินยาตรงทุกวันตามปกติ) -จะเป็นอะไรมั้ยคะ -แล้วถ้าเกิดเลือดออกตั้งแต่วันนี้แล้วถ้ากินยาหมดแผง21เม็ดแล้ว ต้องเริ่มกินยาแผงที่สองเมื่อไหร่คะ -แล้วถ้าช่วงหยุดกินยา7วันประจำเดือนไม่มาจะเป็นอะไรมั้ยคะ -แล้วช่วง7วันหลังจากกินครบ21เม็ดแล้ว มีเพศสัมพันธ์จะเป็นอะไรมั้ยคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Aomsii,

                        หากกำลังทานยาคุมกำเนิดเม็ดที่ 14-17 อยู่ แต่ได้มีเลือดออกมา ก็น่าจะเป็นเลือดที่เกิดจากผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดได้ อย่างไรก็ตาม หากเลือดที่ออกยังคงมีปริมาณมากทุกวัน หรือมีปวดท้องน้อยมาก ก็อาจต้องหยุดทานยาคุมและยังไม่ควรเริ่มทานแผงใหม่ต่อก่อน ซึ่งเมื่อหยุดทานยาคุมแล้ว หากเลือดยังคงไม่หยุดไหล ก็ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ

                       แต่หากเลือดมีปริมาณไม่มากนัก และไม่มีปวดท้องน้อยมาก ก็อาจทานยาคุมจนครบ 21 เม็ด และเว้นระยะไป 7 วัน ซึ่งในช่วงนี้สามรถที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ค่ะ และในช่วงวันที่ 2-4 ของการเว้นระยะ ก็ควรมีเลือดประจำเดือนมาด้วย แต่หากไม่มีประจำเดือนมา ก็ควรตรวจหาการตั้งครรภ์ดูด้วยค่ะ ดังนั้น หากมีประจำเดือนมา และได้เว้นระยะครบ 7 วันแล้ว ก็ให้เริ่มทานยาคุมแผงใหม่ต่อไปได้เลย และเมื่อเริ่มทานยาคุมแผงใหม่ ควรพยายามทานยาให้ตรงเวลา แต่หากยังคงมีเลือดออกกะปริดกะปรอยต่อเนื่องทุกวันในการทานยาแผงใหม่นี้อีก ก็อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนยี่ห้อของยาคุมกำเนิดดูค่ะ