คัดจมูก น้ำมูกไหล มา 1 เดือน ต้องทานยาตัวไหนเพื่อช่วยให้จมูกโล่ง

สวัสดีค่ะ คุณ Katty_270361,

                      อาการคัดจมูก มีน้ำมูกไหล หากเป็นมา 1 เดือนแล้ว ก็ไม่น่าใช่ไข้หวัด เพราะไข้หวัดมักจะหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์ ดังนั้น อาการที่เป็นอยู่ อาจเกิดจาก 

                   1. โรคภูมิแพ้ ชนิดแพ้อากาศ (allergic rhinitis) เนื่องจากแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ อาการได้แก่ มีน้ำมูกใส  มีคัดจมูก คันตา คันจมูก เพดานปาก และลำคอ จมูกอาจได้กลิ่นลดลง บริเวณใต้ตามักเป็นรอยคล้ำดำ อาการจะเป็นติดต่อระยะเวลานาน และจะมีช่วงที่ดีขึ้นสลับกับช่วงอาการกำเริบ

                   ทั้งนี้ สารก่อภูมิแพ้ที่อาจเป็นต้นเหตุจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ได้แก่ ขนนก นุ่น ฝ้าย ฝุ่น ไรฝุ่น เชื้อราต่างๆ สะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยงทั้งสุนัข แมว กระต่าย เกสรดอกไม้ ดอกหญ้า แมลงสาบ และแมลงต่างๆ วัสดุเฟอร์นิเจอร์ เช่น ใยมะพร้าว เป็นต้น นอกจากนี้อากาศที่เย็น และความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการได้ด้วย  

                   2.ไซนัสอักเสบแบบกึ่งเฉียบพลันหรือเรื้อรัง มักจะทำให้มีน้ำมูกสีเขียวหรือสีเหลืองข้น คัดจมูก การรับกลิ่นไม่ดี  ปวดบริเวณไซนัส ได้แก่ โหนกแก้ม หน้าผาก จมูกตรงระหว่างคิ้ว และหัวตา ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น

                   3. มีริดสีดวงจมูกหรือเนื้องอกในช่องจมูก หรือโพรงไซนัส รวมถึงมะเร็งในช่องจมูก มะเร็งหลังโพรงจมูก มะเร็งในโพรงไซนัส ซึ่งจะไปอุดตันบริเวณเซลล์ประสาทรับกลิ่น ทำให้การได้กลิ่นลดลง อาจทำให้มีอาการคัดจมูกได้ แต่มักจะไม่ได้ทำให้มีอาการน้ำมูก

                  หากอาการเป็นมานาน 1 เดือนแล้ว และน้ำมูกมีลักษณะใส ไม่มีอาการปวดต่างๆ ก็น่าจะเป็นอาการของโรคภูมิแพ้ชนิดแพ้อากาศได้ ซึ่งหากอาการไม่รุนแรง ก็สามารถดูแลตนเองได้ ในเบื้องต้น ต้องพยายามหาสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการและพยายามหลีกเลี่ยง หลีกเลี่ยงการโดนอากาศเย็น ไม่โดนลม ไม่ดื่มน้ำเย็น หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ และที่ที่มีฝุ่นละอองมาก  หากมีน้ำมูกมาก อาจใช้วิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ หากอาการเป็นต่อเนื่อง ก็อาจทานยาในกลุ่ม antihistamine เช่น cetirizine (เซทิริซีน), chlorpheniramine (CPM), loratadine (ลอราทาดีน) เป็นต้น สำหรับอาการคัดจมูก อาจทานยา เช่น ยาซูโดอีเฟดรีน (pseudoephredrine), ฟีนิลเอฟรีน (phenylephrine) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมียาสำหรับพ่นในจมูกโดยตรงด้วย 

                    นอกจากนี้ ก็ควรเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น เพื่อช่วยลดการกำเริบของอาการ เช่น การทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะเน้นทานผักและผลไม้ หลีกเลี่ยงของหวาน อาหารที่มีไขมันสูง และแป้งแปรรูปต่างๆ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น

                   แต่หากอาการไม่ดีขึ้น รุนแรงขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาค่ะ