ถามแพทย์

  • อายุ 18 ปี เพศชาย มีอาการหัวใจเต้นเร็วมาเกือบปี หาสาเหตุหลายอย่างไม่พบ สรุปเป็นอะไร

  •  Chittakon Namphom
    สมาชิก
    สวัสดีครับผมอายุ18ปี มีอาการหัวใจเต้นเร็วมากกว่า100ครั้งต่อนาทีมาประมาณเกือบ1ปีแล้ว รู้สึกเหนื่อยง่าย มีเสมหะตลอดเวลา ไม่สดชื่น จนรู้สึกว่าไม่ใหวแล้วที่ร่างกายเป็นแบบนี้เลยตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาล ครั้งที่1วัดคลื่นหัวใจกับตรวจไทรอยด์ สรุปไม่ได้เป็นไทรอยด์ หมอบอกว่าหัวใจเต้นเร็วก็จริงเต้นยังอยู่ในเกณฑ์ปกติเลยให้ยาแก่ใจสั่นมากินวันละเม็ดหลังอาหารนัดดูผลอีก14วันครั้งที่2แค่ตรวจวัดคลื่นหัวใจก็เหมือนเดิมเต้นเร็วแต่อยู่ในเกณฑ์ปกติรอบนี้ไม่ได้ให้ยาให้กลับบ้านเลย?แล้วรอดูผลอีก14วัน ครั้งที่3มาเหมือนเดิมวัดคลื่นหัวใจก็บอกเหมือนเดิมแต่รอบนี้ให้ยาแก้ใจสั่นเหมือนรอบแรกครั้งนี้ให้กินเพิ่มขึ้นเป็นวันละ2เม็ดเช้าเย็นหลังอาหาร ก็นัดดูผลอีก14วันกินแล้วก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไร ครั้งที่4ได้ตรวจไทรอยด์อีกครั้งกับเอกซเรย์ ผลคือไม่ได้เป็นไทรอยด์ผลเอกซเรย์ก็ปกติคือจากที่ตรวจปกติทุกอย่าง แล้วไม่นัดอีกไม่ให้ยาแล้ว สรุปผมก็เป็นเหมือนเดิม ที่ผมไปหาหมอผมอยากหายแต่เหมือนผมไปเสียเวลา ผมอยากรู้ผมเป็นอะไรผมกลุ้มใจมากร่างกายผม ผมรู้ว่าตอนนี้ร่างกายผมไม่ปกติมากๆ ขอคำปรึกษาทีครับ
    Chittakon Namphom  พญ.นรมน
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะคุณ Chittakon Namphom

    อาการใจสั่น เกิดได้จาก

    1.สาเหตุทายกาย

    -โรคหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ ลิ้นหัวใจมีปัญหา หัวใจพิการแต่กำเนิด มีการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ เส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจทำงานล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งจะทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย ขาบวม นอนราบไม่ได้ร่วมด้วย

    -โรคปอดเช่น หอบหืด ถุงลมโป่งพอง

    -โรคต่อมไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ

    -การใช้ยาหรือสารเสพติดที่กระตุ้นการทำงานของหัวใจ

    2.สาเหตุจากความวิตกกังวลโดยไม่มีสาเหตุทางกาย มักมีอาการแขนขาชา มือเกร็ง หรือเวียนศีรษะร่วมด้วย

    โดยปกติแล้ว แพทย์มักจะตรวจโรคทางหัวใจก่อนเสมอ โดยการติดดูคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หากผลปกติ ก็แสดงว่าอาจจะไม่เกี่ยวกับโรคหัวใจ 

    ฟังดูเบื้องต้น แพทย์ที่รักษาก็ได้พยายามหาโรคที่เป็นสาเหตุอันตรายทั้งหมดให้แล้วแต่ไม่พบ ตอนนี้ก็อาจจะสบายใจได้ว่าไม่ได้มีสาเหตุร้ายแรง หรืออาจเกิดจากสาเหตุทางจิตใจก็ได้ดังกล่าวไป

    แต่อย่างไรก็ตามถ้ามีอาการใจสั่น ร่วมกับเหนื่อยง่ายมากขึ้น ทำกิจกรรมที่เดิมทำได้แต่ตอนนี้เหนื่อย ก็ควรกลับไปตรวจเพิ่ม เนื่องจากเมื่อเวลาผ่านไป ก็อาจจะตรวจพบอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปได้ 

    การดูแลตัวเอง รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง งดการออกแรงหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เหนื่อย ดูแลสุขภาพทั่วไป งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน หยุดสูบบุหรี่ หยุดใช้ยาที่มีสารกระตุ้นบางชนิด เช่น ยาแก้ไอ ยาแก้หวัด สมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม