อายุ 43 ปี หนาวสั่นข้างในมา 1 สัปดาห์ แต่วัดอุณหภูมิไม่เคยเกิน 37 องศา ตอนนี้กินยาฆ่าเชื้อกับสมุนไพรอยู่ รักษาอย่างไร

สวัสดีค่ะ คุณผู้ใช้งาน,

                      หากวัดอุณหภูมิร่างกายไม่เคยเกิน 37 องศาเซลเซียส ก็แสดงว่าไม่ได้มีไข้ ดังนั้น อาการหนาวสั่นที่เป็นอยู่ จึงไม่ได้เกิดจากไข้ และก็ย่อมไม่น่าเกิดจากการติดเชื้อค่ะ ดังนั้น แนะนำควรหยุดทานยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยรักษาอาการหนาวสั่นแล้ว ยังอาจทำให้เราได้รับผลข้างเคียงไปโดยไม่จำเป็นค่ะ

                     สำหรับอาการหนาวสั่น อาจเกิดจาก

                     - อุณหภูมิที่เย็น การไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น การอาบน้ำเย็น ดื่มน้ำเย็น กินของเย็นๆ 

                     - มีน้ำหนักน้อย ผอมไป ซึ่งอาจทำให้รู้สึกหนาวง่าย หรือหากยิ่งไม่ค่อยได้กินอาหาร ก็จะยิ่งหนาวง่ายขึ้น เพราะร่างกายขาดพลังงานในการสร้างความอบอุ่น

                     - มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ ก็จะทำให้ขี้หนาว นอกจากนี้ก้จะมีน้ำหนักลด นอนหลับมากขึ้น ท้องผูก ผมร่วง เหนื่อยง่าย ประจำเดือนมาผิดปกติ

                     - มีภาวะโลหิตจาง ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ผิวซีด เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ขี้หนาว

                     - ร่างกายขาดน้ำ น้ำมีหน้าที่สำคัญที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้เป็นปกติ  หากดื่มน้ำน้อย อุณหภูมิร่างกายอาจแปรปรวนได้

                     - เป็นอาการก่อนวัยหมดประจำเดือน ซึ่งจะเริ่มพบได้ตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป อาการมีได้หลากหลาย แต่อาจไม่ได้เกิดขึ้นในทุกราย

                     หากยังไม่มีอาการอื่นๆ ผิดปกติ เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ผิวดูซีด มีน้ำหนักตัวขึ้น เป็นต้น ก็อาจสังเกตอาการไปก่อน แต่ในเบื้องต้น ควรหยุดการทานยาปฏิชีวนะดังที่แนะนำไป ส่วนวิตามินบีและซี รวมถึงสมุนไพร หากเป็นยี่ห้อภัยภูเบศร ก็ถือว่าปลอดภัย สามารถทานได้ แต่หากทานแล้วอาการหนาวสั่นไม่ดีขึ้น ก็ไม่ควรทานต่อไปค่ะ ส่วนการดูแลด้านอื่นๆ เช่น การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานผักและผลไม้ให้หลากหลาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเบาๆ เป็นประจำ และควรดื่มน้ำประมาณ 2-3 ลิตรต่อวัน การสวมใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นหากต้องโดนอากาศเย็น การไม่ดื่มน้ำเย็น หรือทานของเย็นต่างๆ เช่น น้ำแข็ง ไอศรีม เป็นต้น หากอาการไม่หายไป หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ เกิดขึ้น ก็ควรไปพบแทพย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ