ถามแพทย์

  • คันบริเวณโคนอวัยเพศ มีผิวแตกเป็นร่อง ใช้ยาทาคาเนสเทนทาแล้วก็หาย แล้วเป็นอีก เกิดจากอะไร ต้องไปหาหมอด้านไหน

  •  WRSK017
    สมาชิก
    มีอาการคันบริเวณโคนอวัยเพศครับ มีลักษณะคล้ายผิวแตกเป็นร่องครับ สังเกตุว่าจะอยู่บริเวณตรงใกล้ๆกลับรูขุมขนครับ ใช้ยาทาคาเนสเทนทาแล้วก็หาย พอหยุดทาก็กลับมาเป็นอีกครับ ไม่ทราบว่าอาการแบบนี้เกิดจากอะไรครับ และถ้าต้องไปหาหมอต้องหาหมอด้านไหนครับ ขอบคุณครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ WRSK017,

                       อาการคันบริเวณโคนอวัยวะเพศ อาจเกิดจาก

                       1. สังคัง หรือโรคกลาก เป็นโรคติดเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ (dermatophyte) ของผิวหนัง แต่เห็นเป็นตุ่มแดงๆ ที่ผิวหนัง แล้วค่อยๆ ลามออกไปจนมีลักษณะเป็นวงสีแดงที่มีขอบเขตชัดเจน มักมีตุ่มน้ำใสเล็กๆ หรือขุยขาวๆ อยู่รอบวง ร่วมกับมีอาการคันมาก 

                       2. การติดเชื้อราชนิดแคนดิดา จะพบเป็นผื่นสีแดง หรือผิวหนังอาจมีลักษณะแบบบวมแดงลอกก็ได้ นอกจากมีอาการคันเป็นหลักแล้ว อาจมีอาการเจ็บหรือแสบได้ 

                       3. การแพ้สัมผัสหรือระคายเคืองจากสารเคมีต่างๆ เช่น อาจแพ้ผงซักฟอก หรือน้ำยาที่ใช้ซักกางเกงใน แพ้น้ำยาปรับผ้านุ่ม แพ้แป้งหรือน้ำหอมที่นำมาทาบริเวณอวัยวะเพศภายนอก เป็นต้น ซึ่งมักจะเห็นผื่นนูนแดงร่วมด้วย

                       4. รูขุมขนอักเสบ แต่จะเห็นเป็นตุ่มแดงๆ ดูคล้ายสิว มีอาการเจ็บ และคัน บริเวณที่มีขนอยู่ คือโคนอวัยวะเพศ หัวหน่าว รอบทวารหนัก เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา มักมีสาเหตุมากจากถอนหรือโกนขน หรือการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือมีเนื้อผ้าหยาบเกินไป ทำให้เสียดสีผิวหนังและเกิดการระคายเคือง 

                     5. เป็นโลนที่ขนอวัยวะเพศ (หรือเหาที่ขนอวัยวะเพศ)  อาการคือจะคันมาก โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ส่วนทีผิวหนัง อาจเห็นรอยช้ำเล็ก ๆ จากการโดนกัด และหากสังเกตใกล้ๆ ก็อาจจะเห็นตัวและไข่เกาะตามขนได้

                    ในเบื้องต้น ให้พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งการใช้สิ่งที่อาจแพ้ต่างๆ ไปก่อน เช่น ไม่ควรทาแป้ง โลชั่น ครีม หรือการสเปรย์ต่างๆ ที่บริเวณอวัยวะเพศ ใช้สบู่ที่ไม่รุนแรงในการอาบน้ำฟอกตัว ซักกางเกงชั้นใน โดยล้างฟองผงซักฟอกออกให้หมด ไม่ใช้ยาปรับผ้านุ่ม เป็นต้น และควรรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศและขาหนีบ ไม่ให้เปียกชื้น หากเป็นคนมีเหงื่อมาก ก็ควรอาบน้ำบ่อยๆ เป็นต้น หากคันมาก อาจทานยาแก้แพ้แก้คัน เช่น  ไฮดรอกไซซีน (hydroxyzine) , chlorpheniramine (CPM) เป็นต้น หากอาการไม่หายไป แนะนำควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจค่ะ ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาค่ะ โดยอาจเป็นแพทย์ทั่วไป หรือแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังก็ได้ค่ะ