ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์ ประจำเดือนมา 15-19 ก.ย. แล้วมีเพศสัมพันธือีก มีอาการต่างๆ จะท้องไหม

  • พอดีมีอะไรกับสามีครั้งแรกประมาณวันที่5/9/62หลั่งในตลอดและสามีมีเซ็กจัดเราก็มีอะไรกันอีกวัรทึ่6/9/62และก็มามีอะไรกันอีกทีวันที่12-13/9/62หลั่งในเหมือนกันค่ะและประจำเดือนก็มาวันที่15/9/62(เป็นคนประจำเดือนมาไม่ตรงกันและมาปกติแค่3วัน)ระหว่าง15-19/9/62เราไม่มีอะไรกันเพราะเป็นประจำเดือนอยู่แล้วมามีอะไรกันก็ประมาณวันที่20-22/9/62เพราะคิดว่าประจำเดือนหายแล้วเพราะเลือดหยุดไหลพอหลับแล้วตื่นมากับมีเลือดออกมาเป็นสีน้ำตาลปนแดงแบบกระปริบกระปรอยเราเป็นมันนี้ตั้งแต่หลังมีอะไรกันวันที่20-21เรามีอะไรกันเสร็จก็มีเลือดออกมาอีกพอ22ก็มีแต่หลังจากวันนั้นก็ไม่มีเลือดไหลออกมาค่ะ แต่มีอาการเจ็บแปร๊บท้องน้อยเป็นช่วงๆ และมีอาการทำอะไรก็เหนื่อยเวียนหัวบ่อยมากค่ะตอนนี้ก็เป็นบางทีก็คลื่นไส้เพราะรู้สึกน้ำลายแตกอารมณ์ขึ้นๆลงๆอ่อนไหวเหมือนคนอกหักตลอดเวลารู้สึกท้องว่างบ่อยค่ะนอนนานกว่าจะตื่นด้วยค่ะแบบนี้มีโอกาสท้องมั้ยคะ #ขอโทษที่พิมพ์ยาวค่ะพยายามอธิบายให้ชัดที่สุดค่ะตอบด้วยนะคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Tsnky,

                        หากประจำเดือนได้มาแล้วในวันที่ 15-19 ก.ย. โดยมาในช่วงวันที่ที่ควรจะมา ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันก่อนหน้านั้นค่ะ

                        ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 20-22 ก.ย. ถือว่ายังอยู่ในระยะปลอดภัย โอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นมีน้อยมาก คือน้อยกว่า 1%

                         สำหรับเลือดที่ไหลกะปริดกะปรอยในวันที่ 20-21 ก.ย. น่าจะเป็นเลือดประจำเดือนที่ยังไหลไม่หมดและเหลือค้างอยู่ในมดลูกได้ และการมีเพศสัมพันธ์ จะไปทำให้มดลูกเกิดการบีบตัวและทำให้เลือดที่ค้างอยู่ไหลออกมาได้ ไม่ได้ผิดปกติอะไรค่ะ

                         ส่วนการปวดท้องน้อยเป็นช่วงๆ เหนื่อย เวียนหัว คลื่นไส้ อารมณ์แปรปรวน นอนมากนั้น ไม่น่าใช่อาการของการตั้งครรภ์ เพราะอาการของการตั้งครรภ์จะปรากฏหลังจากมีอาการขาดประจำเดือนไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ ดังนั้น อาการที่เป็นอยู่จึงน่าจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น มีความเครียด วิตกกังวล  ผลข้างเคียงจากการทานยาหรืออาหารเสริม มีภาวะโลหิตจาง ไทรอยด์ฮอร์โมนผิดปกติ เป็นต้น หากอาการเป็นต่อเนื่อง ไม่ดีขึ้น หรือรุนแรงขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ