ปวดหัวบ่อยมาก บางทีสิ่งที่เคยจำได้กลับลืมไปหมด

สวัสดีค่ะ คุณ havlove159

อาการปวดศีรษะเกิดได้จากสาเหตุหลักสองอย่าง ได้แก่

• อาการปวดที่ไม่ได้เกิดจากสาเหตุหรือโรคอื่น  เช่น ปวดศีรษะไมเกรนซึ่งมักมีอาการปวดตุ้บ ๆ และมักเป็นข้างเดียว ปวดศีรษะแบบบีบรัดอาจเกิดจากการบีบรัด ตึงตัวของกล้ามเนื้อโดยรอบ ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นอาการปวดศีรษะที่พบได้บ่อย ๆ ในคนทั่วไป

• อาการปวดที่มีสาเหตุ หรือโรคอื่นทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เช่น โรคไซนัสอักเสบ ปวดฟันทำให้ปวดศีรษะ ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น

  ส่วนความจำของคนเราขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการรวมทั้งสมอง อารมณ์ และความคิด การที่ความจำลดลงหรือเปลี่ยนแปลงไป อาจเกิดความจากผิดปกติของอารมณ์ หรือความคิดได้โดยไม่จำเป็นต้องเกิดจากความผิดปกติของสมองเพียงอย่างเดียว การที่ความจำแย่ลงหรือเปลี่ยนแปลงไปเกิดได้จากสาเหตุหลายประการ ได้แก่

  • การใช้ยาบางชนิดเป็นประจำ เช่น ยานอนหลับ ยาคลายกังวล ยาแก้ปวดอย่างแรงบางชนิด

    • สารเสพติด รวมถึงแอลกอฮอล์ และบุหรี่ การใช้สารเหล่านี้เป็นเวลานาน ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองลดลง ทำให้ความจำแย่ลงได้

    • ภาวะอดนอนมาเป็นเวลานาน จนทำให้ร่างกายอ่อนล้า และส่งผลกระทบต่อความจำได้

    • อารมณ์ซึมเศร้า หรือภาวะเครียด

    • การขาดวิตามินบางอย่าง เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 12  อาจเป็นต้นเหตุของความจำที่แย่ลงได้

    • การถูกกระทบกระเทือนทางสมองอย่างแรง ก็อาจทำให้ความจำลดลงได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปความจำมักดีขึ้น

    • ภาวะเส้นหรืออุดตัน หรือเส้นเลือดแตกในสมอง (อัมพฤกษ์ หรืออัมพาต) ก็ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองลดลงเช่นกัน มักส่งผลทำให้ความจำลดลง

    • ภาวะสมองเสื่อม คือภาวะความจำลดลงที่เกิดจากสมอง และยังส่งผลกระทบต่อความคิดอ่าน การทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ภาวะสมองเสื่อมเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่รู้จักกันดี คือ “โรคอัลไซเมอร์” เป็น โรคที่มีความจำลดลงที่มีสาเหตุมาจากการที่เซลล์สมองลดลง ทำให้การทำงานของสมองแย่ลง

    • สาเหตุอื่น เช่น ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (ฮอร์โมนไทรอยด์มากกว่าปกติ) การติดเชื้อบางชนิด เช่น ซิฟิสิส  เป็นด้น

      นอกจากนี้อาการปวดหลังนั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากสาเหตุบริเวณหลังเอง เช่น กล้ามเนื้อหลังอักเสบหรือเคล็ด หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนหรือเสื่อม กระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังยุบตัว กระดูกติดเชื้ออักเสบ หรือกระดูกสันหลังเสื่อม หรือจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น จากอวัยวะภายในอย่างเส้นเลือดใหญ่ ตับอ่อน ไต กระเพาะอาหาร ลำไส้ เป็นต้น

      
      แนะนำว่าหากมีปวดศีรษะ ปวดหลัง และอาการลืมบ่อย หรือสงสัยว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างละเอียด แต่หากมีอาการปวดศีรษะมากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตาพร่ามัว อาเจียนพุ่ง กินไม่ได้ มีไข้สูง หรือปวดมากหลังจากเกิดได้รับการกระทบกระแทกบริเวณศีรษะมาไม่นาน ควรพบแพทย์โดยด่วนเพราะอาจเป็นอันตราย โดยแพทย์มักจะถามลักษณะอาการปวด อาการร่วมต่าง ๆ พร้อมกับตรวจร่างกายทางระบบประสาท และบริเวณหลัง แล้วให้การวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสมต่อไป