ถามแพทย์

  • มีประจำเดือนมามากกว่า 1 เดือนแล้ว เป็นโรคอะไรได้บ้าง ต้องรอให้เลือดหยุดไหลก่อนแล้วค่อยไปพบแพทย์ไหม

  •  chu.m
    สมาชิก

    - รอบเดือน พ.ค. เริ่มมากตั่งแต่วันแรกเริ่มตั้งแต่ วันที่ 7 พ.ค. โดยปกติจะเป็นประจำเดือน 7 วันพอดี โดยจะมามากในวันแรกๆและลดน้อยลง สีแดงสด ซึ่งจะต้องหยุดมาวันที่ 13 พ.ค. แต่ประจำเดือนก็ยังมาอยู่ ในลักษณะมาน้อย สีแดงจางๆ น้ำตาลจางๆบางวันแต่มาทั้งวันแต่มาน้อย ไม่มีอาการปวดท้อง ลักษณะประจำเดือนไม่ค่อยเห็นเป็นลิ่มเลือดเท่าไหร่

    -จนถึงรอบเดือนใหม่ซึ่งเริ่มวันที่ 7 มิถุนา ประจำเดือนมามาก มีการปวดท้องมากแต่ไม่นานประมาณ3ชม. ปกติไม่ปวด กินพารา 1 เม็ด ตึงหลังประมาณ 2 วัน หลังวันที่ปวดท้องมากๆ ประจำเดือนมาเยอะมากๆ มากกว่า 55 ml ในเวลา 18 ชม. (ใช่ถ้วยอนามัยวัด) วันนี้วันที่ 10 ประจำเดือนก็ยังมาเยอะเหมือนเดิม เป็นลิ่มเลือดเยอะ แต่ขนาดเล็ก ประจำเดือนสีแดงสด

    ข้อมูลเพิ่มเติม ไม่เคยมีเพศสัมพันธุ์ ,ฉีด HPV 4 สายพันธ์ เข็มสุดท้ายปี 63 ,อายุ 27 ปี, นอนดึกแต่นอนวันละ 7 ชม. ,น้ำหนัก 70 สูง 165 , ไม่ได้แพ้ยาอะไร, ไม่ได้กินยาคุม ยาปรับฮอโมน 

    -ต้องไปหาหมอตอนประจำเดือนหมด หรือไปได้เลยคะ
    -มีโอกาศเป็นโรคอะไรได้บ้างคะ

    chu.m  พญ.นรมน
    สมาชิก

     สวัสดีค่ะคุณchu.m

    ประจำเดือนที่เป็นปกตินั้นควรจะมาทุกเดือน ห่าง 22-35 วันจากรอบก่อน มาแต่ละครั้งประมาณ 3-7 วันแล้วหยุดสนิท ไม่มีออกผิดปกติระหว่างรอบเดือนอีก

    การที่ประจำเดือนมานานติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไปแล้วนั้น เป็นความผิดปกติสาเหตุที่เป็นไปได้เช่นภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์  การติดเชื้อที่ปากมดลูกหรือมดลูก การมีเนื้องอกที่มดลูกหรือปากมดลูก อวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานอักเสบ

    ซึ่งเนื้องอกมดลูกเป็นสาเหตุที่พบได้มากในกรณีเลือดออกมากผิดปกติโดยไม่มีสาเหตุอื่นๆชัดเจนหรือไม่ได้ตั้งครรภ์

    ถ้าเลือดออกมาเยอะมาก ไม่จำเป็นต้องรอให้เลือดหยุด สามารถไปพบแพทย์ได้เพื่อทำการหยุดเลือด แต่หากออกไม่มาก อาจหาจังหวะที่เลือดหยุดแล้วไปตรวจก็ได้เช่นกัน เบื้องต้นงดการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ซื้อยาปรับฮอร์โมนมาใช้เอง