ถามแพทย์

  • กินยาคุมแต่ประจำเดือนมาก่อนที่ยาคุมหมด และมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนั้น จะท้องหรือไม่

  •  gwenpups
    สมาชิก
    คือทานยาคุมNorimin ชนิด 28 เม็ด โดยที่ทานเม็ดสีฟ้า(ฮอร์โมน) ไปได้ 16 เม็ดเท่ากับว่าจริงๆควรทานยาฟ้าไปอีก 5  เม็ดแล้วประจำเกือนค่อยมาแต่ประจำเดือนก็มาก่อนค่ะ โดยครั้งแรกที่ทานยาคุมเม็ดแรกคือวันที่ 3 ของการมีประจำเดือน และ ที่ผ่านมา ก็ทานตรงเวลามาตลอด หรือไม่ก็ช้าไปไม่เกิน 30 นาทีค่ะ อยากสอบถามว่า ควรทำอย่างไรดี เพราะไปหาอ่านข้อมูลมาบอกว่าอควรรับประทาน 2 เม็ดต่อวันจนกว่าเลือดจะหยุด นี่จริงไหมคะ แล้ว2 เม็ดต่อวัน นี่รวมเม็ดสีแดงที่เป็นแป้งหรือเปล่าคะ รบกวนด้วยค่ะ สรุปคือตอนนี้ เหลือยาเม็ดฟ้า 5 เม็ดแล้วก็ยาเม็ดแป้งอีก 7 เม็ดค่ะ แล้วถ้าประจำเดือนหมด แล้วเป็นช่วงที่กินยาแป้ง มีเพศสัมพันธ์จะมีโอกาสท้องไหมคะ ขอบคุณค่ะ
    gwenpups  gwenpups
    สมาชิก
    เพิ่มเติมค่ะ คือว่า วันที่ 24 พ.ค. ได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนซี่งแฟนก็ใส่ถุงยางอนามัย แต่ด้วยความกังวลของเรา เลยไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินวันที่ 17 พ.ค. ค่ะ ซึ่งทำให้มีเลือดออกมาวันที่ 30 พ.ค. จากนั้น 3 วัน คือวันที่ 1 มิ.ย. เราก็เริ่มกินยาคุมกำเนิดแบบ 28 เม็ดค่ะ กินได้ 16 เม็ด ประจำเดือนก็มาวันที่ 16 มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ประจำเดือนควรจะมาค่ะ อยากทราบว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี เราเหลือตัวเม็ดยาฮอร์โมนอีก 5 เม็ด แล้วเม็ดแป้งอีก 7 เม็ดค่ะ อยากทราบว่า ควรเริ่มแผงใหม่ หรือ ควรทานให้ครบก่อน แล้วอยากสอบถามว่าหลังทานยาฮอร์โมน 7 เม็ดแรกแล้วมีเพศสัมพันธ์จะเป็นอะไรไหมคะ แล้ว ถ้าสมมติเรา ทานยาครบจนถึงตัวเม็ดแป้งซึ่งเป็นช่วงที่ประจำเดือนควรจะมา แต่ประจำเดือนเรามาไม่ถึง 7 วัน ถ้าเรามีเพศสัมพันธ์ในระหว่างที่ทานยาเม็ดแป้งจะมีโอกาสท้องไหมคะ ขอบคุณค่ะ
    gwenpups  Natthaphat
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะ

    สำหรับยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน แม้หลักการโดยทั่วไปจะให้เริ่มทานเม็ดแรกในระยะเวลาคล้ายๆกัน แต่เพื่อให้การใช้ยาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควรทานตามที่ฉลากยากำหนดไว้ค่ะ

    ในกรณียายี่ห้อที่คนไข้สอบถามเข้ามา ในฉลากยาจะแนะนำให้ทานเม็ดสีฟ้าในวันแรกของการมีประจำเดือนเลยค่ะ (ดูรายละเอียดฉลากยาที่นี่)ทานวันละหนึ่งเม็ดจนครบ 21 วัน จากนั้นทานเม็ดสีส้มวันละเม็ดจนครบ 7 วัน โดยประจำเดือนตามปกติจะมาในช่วงที่ทานเม็ดสีส้มอยู่ค่ะ

    ทั้งนี้ระหว่างทานยาดังกล่าวอาจมีผลข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้น เช่น มีเลือดออกจากช่องคลอดกะปริบกะปรอย มือเท้าบวม น้ำหนักขึ้น สิวมากขึ้น ปวดท้องรอบเดือน เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้จะพบเป็นระยะสั้นๆ ค่ะ

    หากอาการเป็นอยู่นาน ควรเข้ารับการตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเพื่อค้นหาสาเหตุค่ะ 

    ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์ การคุมกำเนิดไม่ว่าด้วยวิธีใดๆก็ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ค่ะ สำหรับการเม็ดยาคุมกำเนิดแม้ทานอย่างถูกวิธีแล้วก็จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้เพียง 92-99% เท่านั้น ดังนั้นในกรณีนี้จึงยังมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์อยู่ดีค่ะ

    หากต้องการตรวจสอบว่ามีการตั้งครรภ์จริงหรือไม่ ขอแนะนำให้ทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยชุดตรวจครรภ์ที่หาซื้อได้ทั่วไปหรือเข้าตรวจกับแพทย์ที่สถานพยาบาลจะได้ผลที่แน่ชัดและตรงกับความต้องการมากกว่าค่ะ