ถามแพทย์

  • อายุ 17 ปี หยุดทานยาคุม แล้วมีเพศสัมพันธ์ แล้วมีเลือดออกมา 2 วัน หลังจากนั้น ประจำเดือนยังไม่มา จะท้องไหม

  •  Chidcha Kimura
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ ตอนนี้อายุ 17 ปี ทานยาคุมกำเนิดมา 1 ปี หยุดทานยาไปเมื่อเดือนที่แล้ว มีประจำเดือนมาวันที่ 5 พฤศจิกา จากนั้นมีเพศสัมพันธ์กับแฟน แบบหลั่งนอกวันที่ 15 พฤศจิกา แล้ววันที่18 พฤศจิ มีเลือดออกเหมือนประจำเดือนประมาณ2 วัน ตอนนี้ประจำเดือนยังไม่มา เต้านมไม่คัด มีโอกาสตั้งครรภ์มั้ยคะ

     สวัสดีค่ะ คุณ Chidchanok Laimonthin,

                        เมื่อหยุดทานยาคุมกำเนิด ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ก็จะหมดลงในทันที ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์ ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้

                        สำหรับเลือดที่ออกในวันที่ 18 พ.ย. อาจเป็นเลือด

                        1. เลือดออกช่วงไข่ตก หากเลือดที่ออกมีปริมาณไม่มากและออกเพียงแค่ 1-2 วัน ก็อาจเป็นเลือดออกวันไข่ตกได้ แต่หากมีปริมาณมากจนต้องใช้ผ้าอนามัย ก็ไม่น่าใช่

                        2. มีการอักเสบติดเชื้อในโพรงมดลูก แต่มักปวดท้องน้อย และตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย รวมถึงมีปัสสาวะผิดปกติ มีไข้

                         3. ผลจากการใช้ยาฮอร์โมนอื่นๆ เช่น ยาสตรี สมุนไพร อาหารเสริมต่างๆ รวมถึงยาบางอย่าง เช่น ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด ยาต้านเศร้า เป็นต้น 

                         4. เป็นประจำเดือนที่เกิดจากการทำงานของรังไข่ ทั้งนี้ เมื่อหยุดทานยาคุม การตกไข่อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่วัน แล้วตามด้วยการมีประจำเดือนมาได้ 

                        หากยังคงมีเพศสัมพันธ์หลังหยุดทานยาคุม ก็ควรตรวจหาการตั้งครรภ์ดูก่อนค่ะ หากตรวจไม่พบ ก็ควรรอประจำเดือนไปอีกซักระยะ การที่ยังไม่มา อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ได้ เช่น มีความเครียด ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย อดนอน อดอาหาร มีน้ำหนักลด หรือมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็ว เป็นต้น