ถามแพทย์

  • ทานยาคุมอยู่ ประจำเดือนมาเกินสองอาทิตย์แล้ว เกิดจากอะไร

  •  Akita
    สมาชิก
    สวัสดีคะคุณหมอ พอดีหนูเริ่มทานยาคุม ไดแอน ตอนประจำเดือนมาวันแรกตามปกติ พอดีหยุดทานไปเดือนนึงแล้วมาเริ่มเดือนนี้ใหม่ แต่ตอนนี้ ประจำเดือนมา16วันแล้ว เลือดออกแบบปกติ มีสีแดง ดำ น้ำตาลบ้าง แล้วแต่วันค่ะ มีอาการปวดท้องเล็กน้อยวันหรือสองวัน มีอาการคลื่นไส้ เวียนหัวเล็กน้อย รู้สึกเหมือนมีไข้บางวัน ในระหว่างกินยาคุมมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ป้องกัน1ครั้ง อยากทราบว่าอาการแบบนี้เป็นอะไร แล้วควรไปหาหมอมั้ยค่ะ พอดีลำบากนิเนึงอยู่ต่างประเทศ ต้องอธิบายให้คุณหมอฟังเป็นภาษาญี่ปุ่น รบกวนด้วยนะคะ
    Akita  พญ.นรมน
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะคุณ Akita

    หากมีประจำเดือนมาติดต่อกันเกิน 2 อาทิตย์น่าจะเป็นเลือดออกทางช่องคลอดที่มากผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจาก

    -เนื้องอกมดลูกหรือปากมดลูก

    -มีการติดเชื้อที่ช่องคลอดหรือปากมดลูกหรือมดลูก

    -มีบาดแผลบริเวณช่องคลอดหรืออวัยวะเพศภายนอก

    -อวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานสตรีอักเสบ อาจมีไข้ ร่วมกับตกขาวผิดปกติด้วย

    -ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์เช่น แท้ง ท้องนอกมดลูก

    โดยผลข้างเคียงจากการใช้ยาคุมกำเนิด อาจทำให้มีเลือดออกกระปริดกระปรอยได้บ้าง แต่ไม่ควรมาติดต่อกันมากผิดปกติดังที่กล่าวมา

    แนะนำไปพบสูตินรีแพทย์ค่ะ เพราะการเลือดออกทางช่องคลอดมากผิดเป็นเป็นภาวะที่ต้องหาสาเหตุและแก้ไขค่ะ แพทย์อาจตรวจภายใน ตรวจปัสสาวะ ตรวจการตั้งครรภ์ ร่วมกับทำอัลตราซาวน์หน้าท้องเพื่อหาสาเหตุต่อไป

    การดูแลตัวเองเบื้องต้น งดการมีเพศสัมพันธ์ ไม่สวนล้างช่องคลอด ไม่ซื้อยาปรับฮอร์โมนใดๆมารับประทานเอง ถ้ามีอาการซีดอ่อนเพลียจากเสียเลือดมาก ไข้สูง ตกขาวผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ และในขณะนี้ควรงดการใช้ยาคุมกำเนิดไปก่อนค่ะ