-
มีเชื้อ HIV อยู่ และเคยเป็นซิฟิลิส รักษาจนหายแล้ว ตรวจเลือดเป็น non-reactive แต่ต่อมาตรวจได้ค่า 1:2 ปกติไหม
-
Nov 22, 2022 at 07:38 AM
ถ้ามีเชื้อ hiv และเคยเป็นซิฟิลิสเมื่อหลายปีก่อนแต่รักษาจนหายแล้ว ตรวจเลือดทุกครั้งผลเป็น non reactive มาตลอด แต่พอไปพบคุณหมอเมื่อวันก่อน ได้รับแจ้งว่าผล vdrl เป็น reactive 1:2 นี่ถือว่าปกติมั้ยครับ พอดีลืมถามคุณหมอที่รักษา ขอบคุณครับNov 22, 2022 at 09:09 AM
สวัสดีค่ะ คุณ Den22,
หากเคยเป็นซิฟิลิส และได้รักษาจนหายแล้ว คือผลตรวจเลือดค่า VDRL เป็น non-reactive แต่ต่อมา ผลตรวจเลือด VDRL ได้ค่า 1:2 ก็น่าจะเป็นผลบวกปลอมได้ (false positive) โดยอาจเกิดจากการที่มีการติดเชื้อ HIV อยู่ นอกจากนี้ ก็อาจเกิดจากโรคติดเชื้ออื่นๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบ ปอดอักเสบ มาลาเรีย เป็นต้น หรือมีโรคภูมิแพ้ตนเอง นอกจากนี้ ยังพบว่าค่าอาจขึ้นได้ในหญิงตั้งครรภ์ ในผู้ติดยาเสพติดฉีดเข้าเส้น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หากไปมีประวัติเสี่ยงในการได้รับเชื้อซิฟิลิสมาอีก ก็อาจเกิดจากการติดเชื้อซ้ำได้ค่ะ ดังนั้น หากมีประวัติเสี่ยงมา ก็ควรแจ้งแพทย์เพื่อที่จะได้ตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่ามีการติดเชื้อซ้ำหรือไม่ คือตรวจ TPHA (Treponema Pallidum Haemagglutination Assay) แต่หากตรวจแล้วไม่พบการติดเชื้อ หรือไม่ได้ไปมีความเสี่ยงมา ก็จะนัดตรวจดูค่า VDRL ต่อไปค่ะ หากค่า titer ไม่ได้เพิ่มขึ้น ก็แสดงว่าไม่ได้มีการติดเชื้อเพิ่มอะไร โดยเป็นผลบวกปลอมได้ดังกล่าวไปค่ะ
-
ถามแพทย์
-
มีเชื้อ HIV อยู่ และเคยเป็นซิฟิลิส รักษาจนหายแล้ว ตรวจเลือดเป็น non-reactive แต่ต่อมาตรวจได้ค่า 1:2 ปกติไหม