ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์แบบชายกับชาย เพิ่งทราบว่าอีกฝ่ายมีเชื้อ hiv ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยาง แต่มีการจูบและใช้ปากกับอวัยวะเพศ จะติดโรคไหม

  •  mayzy_pink
    สมาชิก
    สวัสดีครับ พึ่งคบกับผู้ชายคนนึงได้ 2 เดือนครับ ก็ตกลงกันคบเป็นแฟนครับ ทีนี้ เรานัดกันว่า วันอาทิตย์จะไปตรวจเลือด กัน ก่อนคบกันจริงจัง วันเสาร์ เขาเลยมาหาผมที่บ้าน มานอนค้างกันครับ แต่ ปรากฏว่าตอนกลางคืน ก็เผลอใจ เผลอตัว มีเพศสัมพันธ์กันครับ โดยผมเป็นฝ่ายรุกครับ ผมมีถุงยาง มีเจลหล่อลื่น ครับ มีการอมให้ครับ เขาอมให้ผมฝ่ายเดียว (แปปเดียว ไม่นาน) จากนั้น เล้าโลมกัน จูบปากกันด้วยครับ ดูดดื่ม พอเริ่มกิจกรรมก็ใส่ถุงยางตั้งแต่เริ่มเลย ครับ จนเสร็จกิจ เสร็จภายในครับ น้ำอสุจิ ก็อยู่ในถุง กลางคืนก็นอนหลับไป.... ตอนเช้า ไปตรวจเลือด ปรากฏว่า ผมลบครับ (ตรวจปีละ 2-3 ครั้ง รู้ผลอยู่แล้ว ไม่แปลกใจครับ) แต่ อีกฝ่าย ฝ่ายรับ ไม่เคยตรวจมาก่อนเลย ผลออกมาว่าบวก ครับ โดยเขาบอกว่าโดยเขาบอกว่าเค้าน่าจะติดมาจากแฟนเก่าครับ เบื้องตันเมื่อวานเค้าก็เข้าสู่ระบบการรักษาของประกันสังคมเลยครับ พอเรากลับมาบ้าน ก็ให้กำลังใจกัน ผมมีคำถาม ผมถือว่ามีความเสี่ยงไหมครับ ผมพึ่งมีเพศสัมพันธ์กับคนมีเชื้อมาเลย แต่มีการใส่ถุงยาง ป้องกัน ครับ แตกภายในถุงยาง แต่ถุงยาง ทิ้งขยะไปครับ ไม่แน่ใจว่าขาด รั่วไหม แต่จำได้ว่า เห็นน้ำอสุจิขาว อยู่ตรงปลายถุง ตามปกติ ตรงนี้อยากถามว่าผมมีความเสี่ยงมากแค่ไหนครับ เครียดมากเลย กลัวเป็นครับ ทั้งจูบปากเขาดูดดื่ม ทั้งแตกใน(ในถุง) เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายผมได้ไหมครับ ขอบคุณครับ
    mayzy_pink  พญ.นรมน
    สมาชิก

     สวัสดีค่ะคุณ mayzy_pink

    โรค HIV เป็นโรคของการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจนถึงแก่ชีวิตได้ โดยเป็นไวรัสที่ติดต่อกันผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย การสัมผัสสารคัดหลั่งจากเยื่อบุตา ปาก อวัยวะเพศของกันและกัน การใช้ของมีคมร่วมกัน หรือของใช้ส่วนตัวที่มีสารคัดหลั่งติดอยู่ร่วมกัน การที่สารคัดหลั่งหรือเลือดมาโดนแผลเปิดขนาดใหญ่ที่ผิวหนัง เป็นต้น

    จากที่กล่าวมานั้น ถ้าขณะมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักได้ป้องกันด้วยถุงยางอนามัยตลอดและถุงยางไม่ขาดไม่รั่ว โอกาสรับเชื้อมีน้อย การมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือการจูบกันนั้น มีโอกาสรับเชื้อได้แต่น้อยกว่าการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก โอกาสอยู่ที่น้อยกว่า 1%

    แม้จะมีโอกาสน้อย แต่แนะนำการรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการซักประวัติตรวจร่างกายจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง และกรณีนี้คิดว่าน่าจะมีข้อบ่งชี้การใช้ยาต้านไวรัสภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันการรับเชื้อ และควรต้องไปตรวจเลือดติดตามที่ 1 และ 3 เดือนด้วยค่ะ