การมีเพสสัมพันธ์ และการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน เลือดออกผิดปกติ ท้องไหม

สวัสดีค่ะ คุณ KHOUN 

การที่มีเพศสัมพันธ์ ถ้าไม่ได้มีการป้องกันเอาไว้ก่อนล่วงหน้า (Unprotected intercourse) และยิ่งถ้าตรงกับช่วงที่ฝ่ายหญิงมีการตกไข่ จะถือว่าเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้ค่ะ ทั้งนี้ ถ้านับจากรอบเดือนก่อนวันเเรกคือ 13/10/2017 ถ้ามีเพศสัมพันธ์วันที่  29/10/2017 จะถือว่าวันที่ประมาณ 16 ของรอบเดือน ดังนั้นถือว่าเป็นช่วงที่มีโอกาสเกิดการตกไข่ได้ค่ะ

ดังนั้น การรับประทานยาคุมฉุกเฉิน (Emergency contraception) ยาคุมฉุกเฉิน ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในการป้องกันการตั้งครรภ์ค่ะ ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้หลายตัวค่ะ แต่ทุกตัวยาที่ใช้คือ ฮอร์โมนในระดับที่สูงค่ะ คือ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนชื่อว่า Levonorgestrel 0.75 มิลลิกรัม โดยที่รับประทานเม็ดแรกก่อน แล้วอีกเม็ดรับประทานถัดมาในอีก 12 ชั่วโมง หรือรับประทาน 1.5 มิลลิกรัม เม็ดเดียว ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงกว่าฮอร์โมนในเม็ดยาคุมกำเนิดทั่วไป และจะส่งผลกระทบระบบฮอร์โมนภายในร่างกายอย่างแน่นอนค่ะ

ดังนั้น ฮอร์โมนในระดับที่สูงนั้น ย่อมส่งผลข้างเคียงจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เลือดออกผิดปกติ เลือดออกกระปริบกระปรอยตามหลังจากการใช้ยาค่ะ

นอกจากนี้ รอบเดือนอาจจะมาไม่ปกติ หรือไม่ตรงรอบค่ะ  หรืออาจมีเลือดที่ออกมาผิดปกติที่มานานกว่าประจำเดือนทั่วไป นอกจากนี้ ร่างกายแต่ละคนที่ใช้ยาคุมฉุกเฉินจะมีการตอบสนองต่อฮอร์โมนที่แตกต่างกันได้ ดังนั้น การที่มีเลือดออกผิดปกติต่อเนื่องกันเช่นนี้ หรือ มีอาการคล้ายมีการตั้งครรภ์ มีอาการปวดท้องน้อย แนะนำให้ตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์ร่วมด้วยค่ะ เนื่องจากประสิทธิภาพของการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ไม่ใช่ 100% ค่ะ นั่นคือ สามารถเกิดการตั้งครรภ์ได้อยู่ โดยสามารถตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 4-6 สัปดาห์นับวันเเรกของรอบเดือน ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น อาจเป็นผลจากการที่รับประทานยาคุมฉุกเฉินได้ค่ะ