-
มีโรค SLE ประจำตัว กินยาคุมกำเนิดไปได้ 14 วัน มีเลือดออก เจ็บหน้าอก หน่วงท้องน้อย ต้องทำยังไง
-
May 28, 2018 at 02:36 AM
อยากทราบว่า การมีประจำเดือนระหว่างการกินยาคุม คือกินยาคุมไปได้แค่14วัน แต่มีประจำเดือนมา เป็นเพราะอะไรค่ะ และมีโรคประจำตัวตัวด้วยค่ะ เป็น SLE แต่ก่อนเริ่มกินยาแผงนี้ก็เริ่มกินหลังจากหมดประจำเดือนประมาน2ค่ะ แบบนี้คือต้องเลิกกินอล้วรอให้ประจำเดือนหมดก่อน หรือว่าต้องกินต่อค่ะ จนหมดแผง อาการก็เจ็บหน้าอก หน่วงท้องน้อย แบบเดียวกับการเป็นประจำเดือนเรยค่ะ แบบนี้ต้องทำไงค่ะMay 28, 2018 at 09:58 AM
สวัสดีค่ะ คุณ padtama,
หากโรคประจำตัวที่เป็นอยู่คือ โรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE หากโรคอยู่ในระยะสงบ ไม่มีอาการใดๆ กำเริบอยู่ สามารถที่จะทานยาคุมกำเนิดได้ แต่ควรเลือกชนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ
แต่หากยังมีอาการของโรคกำเริบเป็นระยะๆ หรือมีภาวะ anti-phospholipid syndrome ร่วมด้วย ไม่แนะนำให้ทานยาคุมกำเนิด เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน คือการเกิดหลอดเลือดดำอุดตัน
ส่วนการที่ทานยาคุมกำเนิดไปได้ 14 วันแล้วมีเลือดออกมานั้น น่าจะเป็นผลข้างเคียงการทานยาคุมกำเนิดที่สามารถพบได้ รวมถึงอาการเจ็บหน้าอก และปวดท้องน้อย หากเลือดที่ออกมีปริมาณไม่มา และปวดท้องน้อยไม่รุนแรง แนะนำให้ทานยาคุมกำเนิดต่อไปได้ เนื่องจากอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ลดน้อยลงไปเอง แต่หากเลือดที่ออกมีปริมาณมาก หรือมีปวดท้องน้อยมาก แนะนำควรหยุดทานยาคุมกำเนิด และไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ
-
ถามแพทย์
-
มีโรค SLE ประจำตัว กินยาคุมกำเนิดไปได้ 14 วัน มีเลือดออก เจ็บหน้าอก หน่วงท้องน้อย ต้องทำยังไง