ถามแพทย์

  • อายุ 19 ปี เมื่อ 4 ปีก่อน เป็นทอนซิลอักเสบ แล้วมีก้อนใต้กรามขึ้น 2 ข้าง วันนี้ลองคลำดู ยังคงพบก้อน อันตรายไหม

  •  Muninna
    สมาชิก
    สวัสดีครับ ผมอายุ 19 ปี ย้อนไปประมาณ 4 ปีที่เเล้ว ผมไปหาหมอ มีอาการทอนซิลอักเสบปวดร้าวไปที่หู เเละผมคลำเจอก้อนที่ใต้กรามด้านซ้าย 1 ก้อน ด้านขวา2 ก้อน ขนาดประมาณปลายนิ้วก้อยครับ เวลาเงิยหน้าขึ้นจะคลำไม่พบครับ เเต่ถ้าก้มหน้าลงคางชิดหน้าอกมันจะมีก้อนออกมาเเล้วคลำได้ครับ ก้อนขยับไปมาได้ กดไม่เจ็บครับ หลังจากที่ไปหาหมอก็ให้ยามากิน เมื่อผมหายก็เลยไม่ได้คลำดูว่าก้อนนั้นหายหรือยัง เเต่ไม่กี่วันมานี้ ผมลองคลำดูมันยังมีก้อนอยู่ครับ ขนาดเท่าเดิม กดก็ไม่เจ็บครับ ตอนนี้ผมกังวลมากครับ มันจะอันตรายหรือเปล่าครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ Muninna,

                       ก้อนที่อยู่บริเวณใต้กรามด้านขวา อาจเป็น

                      1. ต่อมน้ำเหลืองโต จากการอักเสบติดเชื้อของเนื่อเยื่อต่างๆ ที่อยู่บริเวณศีรษะและลำคอ เช่น เป็นไข้หวัด คออักเสบ ทอนซิลอักเสบ มีเริมที่ริมฝีปาก มีฟันผุ เหงือกอักเสบ เป็นต้น ทั้งนี้ แม้ว่าโรคเหล่านี้จะหายไปแล้ว แต่ต่อมน้ำเหลืองอาจยังคงโตได้เล็กน้อย โดยจะค่อยๆ เล็กลงจนคลำไม่ได้ในเวลาเป็นเดือน แต่หากเกิดโรคดังกล่าวบ่อยๆ ต่อมเหลืองก็อาจโตอยู่นานเป็นปีได้

                     2. ต่อมน้ำเหลืองอักเสบติดเชื้อจากโรคต่างๆ เช่น 

                             - ติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (หรือโรค infectious mononucleosis) มักพบในเด็ก และจะมีไข้ร่วมด้วย รวมถึงมีเจ็บคอ มีฝ้าขาวในคอ ตับม้ามโต ตาเหลือง และมีผื่นที่ผิวหนัง

                            - ติดเชื้อวัณโรคทีต่อมน้ำเหลือง แต่จะมีไข้ มีเบื่ออาหาร น้ำหนักลด

                            - โรคแมวข่วน (cat scratch disease) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อยู่ในต่อมน้ำลายแมว หากโดนแมวข่วนตามแขน คอ หรือบ่อยๆ อาจเกิดการติดเชื้อได้ ทำให้มีไข้และต่อมน้ำเหลืองที่คอโต 

                       3. เป็นก้อนซีสต์ (ถุงน้ำ) และก้อนเนื้องอกชนิดต่างๆ เช่น dermoid cyst, ก้อนไขมัน ก้อนเนื้องอกหลอดเลือด

                      4. เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่ต่อมน้ำเหลืองก็จะต้องโตขึ้นเรื่อยๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้น รวมกับมีไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

                      หาก 4 ปีก่อน เคยมีประวัติว่าเป็นทอนซิลอักเสบ และเกิดก้อนที่ใต้กรามขึ้น ก็น่าจะเป็นต่อมน้ำเหลืองที่โตจากปฏิกิริยาการอักเสบที่อนซิลได้ค่ะ ซึ่งหลังจากนั้น เมื่ออาการทอนซิลอักเสบหายไป แล้วก็ไม่ได้โตขึ้นมา ไม่ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ก็ย่อมแสดงว่าไม่ได้เป็นโรคอื่นๆ ที่กล่าวไปข้างต้นค่ะ ส่วนการที่ต่อมา ยังคลำได้ก้อนอยู่ ก็เท่ากับว่าต่อมน้ำเหลืองไม่ได้ยุบจนกลับเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้ถือว่าอันตรายอะไรค่ะ ซึ่งหากไม่ได้มีอาการเจ็บ ไม่ปวด และไม่ได้โตขึ้นเรื่อยๆ อีก ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรค่ะ แต่หากกลังจากนี้ ก้อนกลับโตขึ้น หรือมีเจ็บ ปวด ก็ค่อยไปแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ 

    สวัสดีค่ะ คุณ Muninna,

                       ก้อนที่อยู่บริเวณใต้กรามด้านขวา อาจเป็น

                      1. ต่อมน้ำเหลืองโต จากการอักเสบติดเชื้อของเนื่อเยื่อต่างๆ ที่อยู่บริเวณศีรษะและลำคอ เช่น เป็นไข้หวัด คออักเสบ ทอนซิลอักเสบ มีเริมที่ริมฝีปาก มีฟันผุ เหงือกอักเสบ เป็นต้น ทั้งนี้ แม้ว่าโรคเหล่านี้จะหายไปแล้ว แต่ต่อมน้ำเหลืองอาจยังคงโตได้เล็กน้อย โดยจะค่อยๆ เล็กลงจนคลำไม่ได้ในเวลาเป็นเดือน แต่หากเกิดโรคดังกล่าวบ่อยๆ ต่อมเหลืองก็อาจโตอยู่นานเป็นปีได้

                     2. ต่อมน้ำเหลืองอักเสบติดเชื้อจากโรคต่างๆ เช่น 

                             - ติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (หรือโรค infectious mononucleosis) มักพบในเด็ก และจะมีไข้ร่วมด้วย รวมถึงมีเจ็บคอ มีฝ้าขาวในคอ ตับม้ามโต ตาเหลือง และมีผื่นที่ผิวหนัง

                            - ติดเชื้อวัณโรคทีต่อมน้ำเหลือง แต่จะมีไข้ มีเบื่ออาหาร น้ำหนักลด

                            - โรคแมวข่วน (cat scratch disease) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อยู่ในต่อมน้ำลายแมว หากโดนแมวข่วนตามแขน คอ หรือบ่อยๆ อาจเกิดการติดเชื้อได้ ทำให้มีไข้และต่อมน้ำเหลืองที่คอโต 

                       3. เป็นก้อนซีสต์ (ถุงน้ำ) และก้อนเนื้องอกชนิดต่างๆ เช่น dermoid cyst, ก้อนไขมัน ก้อนเนื้องอกหลอดเลือด

                      4. เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่ต่อมน้ำเหลืองก็จะต้องโตขึ้นเรื่อยๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้น รวมกับมีไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

                      หาก 4 ปีก่อน เคยมีประวัติว่าเป็นทอนซิลอักเสบ และเกิดก้อนที่ใต้กรามขึ้น ก็น่าจะเป็นต่อมน้ำเหลืองที่โตจากปฏิกิริยาการอักเสบที่อนซิลได้ค่ะ ซึ่งหลังจากนั้น เมื่ออาการทอนซิลอักเสบหายไป แล้วก็ไม่ได้โตขึ้นมา ไม่ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ก็ย่อมแสดงว่าไม่ได้เป็นโรคอื่นๆ ที่กล่าวไปข้างต้นค่ะ ส่วนการที่ต่อมา ยังคลำได้ก้อนอยู่ ก็เท่ากับว่าต่อมน้ำเหลืองไม่ได้ยุบจนกลับเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้ถือว่าอันตรายอะไรค่ะ ซึ่งหากไม่ได้มีอาการเจ็บ ไม่ปวด และไม่ได้โตขึ้นเรื่อยๆ อีก ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรค่ะ แต่หากกลังจากนี้ ก้อนกลับโตขึ้น หรือมีเจ็บ ปวด ก็ค่อยไปแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ