ถามแพทย์

  • ตกขาวเยอะ แพทย์วินิจฉัยเป็นติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ทานยาฆ่าเชื้อแล้ว ตกขาวยังไม่หาย ต้องไปพบแพทย์อีกไหม

  •  Savitri
    สมาชิก
    ช่วงก่อนตกขาวเยอะจึงไปพบแพทย์แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจึงนำยาฆ่าเชื้อมาให้กินผ่านมา3วันตกขาวก็ยังเยอะอยู่สีเหลืองไม่มีกลิ่นไม่เหนียวข้นไม่คันไม่แสบอยากสอบถามว่าต้องไปพบแพทย์อีกครั้งไหมคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Savitri,

                        โดยปกติ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่างที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียทั่วไป มักทำให้มีอาการ เช่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะขุ่น ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นต้น แต่หากการติดเชื้อที่มาจากการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เริม หนองในแท้ หนองในเทียม นอกจากจะทำให้มีอาการปัสสาวะที่ผิดปกติดังกล่าวได้แล้ว ก็จะทำให้มีอาการตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย เช่น ตกขาวปริมาณมาก มีกลิ่นเหม็น มีสีเขียวเหลืองคล้ายหนอง เป็นต้น แต่ทั้งนี้ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เหล่านี้ อาจทำให้มีเฉพาะอาการตกขาวที่ผิดปกติ ไม่จำเป็นต้องมีอาการของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะร่วมด้วยค่ะ

                        ดังนั้น หากมีเฉพาะอาการตกขาวที่ผิดปกติ ไม่ได้มีอาการปัสสาวะที่ผิดปกติร่วมด้วย ก็ไม่น่าเกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง แต่อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น

                         - การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ ดังกล่าวไป

                         - การติดเชื้อปรสิตในช่องคลอด

                         - มดลูกอักเสบ 

                         ส่วนการอักเสบของช่องคลอดจากเชื้อแบคทีเรีย มักทำให้มีตกขาวที่มีกลิ่นเหม็นรุนแรง ส่วนการติดเชื้อราในช่องคลอด ก็จะทำให้มีอาการคันในช่องคลอดร่วม ดังนั้น ก็ไม่น่ามีสาเหตุจากโรคเหล่านี้

                          หากที่ผ่านมาได้มีเพศสัมพันธ์ และยังคงมีตกขาวสีเหลืองออกมาปริมาณมากทุกวัน แนะนำควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาค่ะ เพราะหากเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง อาจต้องอาศัยการฉีดยาปฏิชีวนะ หรือการทานยาปฏิชีวนะนานต่อเนื่องหลายวันค่ะ