ถามแพทย์

  • หลังฝังยาคุมกำเนิดหลังคลอด ไม่มีประจำเดือนมา 1 ปี 7 เดือน พอไปยกของหนัก มีเลือดออกมา ปวดท้องน้อย เป็นอะไรไหม

  •  ขนม หวาน
    สมาชิก
    ขอถามหน่อยคะ คือตั้งแต่ผ่าคลอดลูกคนที่2 หมอให่ฝังเข็มยาคุมกำเนิด3ปี หนูฝังก่อนออกจาก รพ. พอฝังเส็ดกลับมาอยู่บ้าน ก้อยังมีเลือดออกอยู่ ประมาณ 7วัน แล้วจากนั้น มาประมาณ (ปัจจุบัน ) 1ปี 7เดือน ที่ประจำเดือนไม่มา หนูมีอะไรกับแฟนหลั่งในบางนอกบาง แต่ในจะเยอะกว่า แล้วมีวันนึงหนูยกของนัก แล้วมันเกิดอาการเหมือยตัว ไปหมดเลยคะ แต่หลังจากทำงานเส็ด ก้อยังม่มีอะไรผิดปกติ แต่พอตื้อเช้ามาอีกวัน ก้อมีเลือดออกมาแต่ไม่เยอะเท่าไหร่ ออกมาเป็นสีอ่อนๆ คะ แล้วพออีกวันนึง คือมันมาเยอะมาคะ เจ็บท้องด้วย บางที่ก้อปวดท้องบาง แบบนี้จะเป็นอะไรหรือเปล่าคะ น้ำหนักขึ้นๆลงๆ

    สวัสดีค่ะ คุณ ขนม หวาน,

                       หากได้ฝังยาคุมกำเนิดหลังคลอดก่อนออกจากโรงพยาบาล ยาฝังคุมกำเนิดก็จะสามารถออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที โดยจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% หรือมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์เพียงประมาณ 0.05% เท่านั้น

                       ส่วนผลข้างเคียงของยาฝังคุมกำเนิดนั้น มักทำให้เกิดเลือดออกกะปริดกะปรอย หรือในบางราย อาจมีเลือดออกบ่อย เลือดออกติดต่อกันนาน ในขณะที่บางราย อาจทำให้ไม่มีประจำเดือนมาได้

                      ดังนั้น การที่ไม่มีประจำเดือนมาตลอด 1 ปี 7 เดือน แล้วต่อมามีเลือดออกมาร่วมกับปวดท้องน้อย ก็น่าจะเป็นผลที่เกิดจากยาฝังคุมกำเนิดได้ค่ะ

                       แนะนำควรสังเกตเลือดที่ออกไปก่อน หากไม่ได้มีปริมาณที่มากเกินไป เช่น มากจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2 ชั่วโมง และเลือดไม่ได้ออกติดต่อกันนานหลายสัปดาห์ ไม่ได้มีปวดท้องรุนแรง ไม่ได้มีตกขาวที่ผิดปกติ ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร แต่หากเลือดที่ออกมีปริมาณมาก หรือออกติดต่อกันหลายสัปดาห์ หรือมีปวดท้องน้อยมาก ก็ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์ค่ะ

                      สำหรับอาการปวดเมื่อยตัว ไม่น่าจะเกิดจากผลของยาฝังคุมกำเนิด แต่น่าจะเกิดจากการที่ไปยกของหนักมากกว่า แนะนำควรงดการทำงานหนักและออกกำลังกายไปก่อนค่ะ

                     ส่วนเรื่องน้ำหนักตัวที่ขึ้นๆลงๆ ก็เช่นกัน ไม่น่าจะเกิดจากผลของยาฝังคุมกำเนิด แต่ขึ้นอยู่กับการทานอาหาร การทำงานใช้แรง และการออกกำลังกายค่ะ