ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์ ใส่ถุงยาง แล้วจึงมากินยาคุมกำเนิด ต่อมามีประจำเดือนมา แล้วต่อมาประจำเดือนหาย จะท้องไหม

  • สวัสดีค่ะ ช่วงวันที่20ธ.ค.เป็นประจำเดือนแล้วมีอะไรกันกับแฟนวันที่23กับ27ธ.ค.โดยป้องกันด้วยการใสถุงยางอนามัย และมีอะไรกันอีกวันที่2กับ4ม.ค.ป้องกันด้วยการใส่ถุงยางและเริ่มกินยาคุมวันที่4มค เดือน มค ก็มีอะไรกันเป็นบางครั้งประจำเดือนมาวันที่27มค ประมาณ4วัน พอมาเดือนกุมภาเราไม่ได้มีอะไรกันเลยแต่ประจำเดือนขาด และเหมือนมีชีพจรเต้นตรงหน้าท้องเหนือสะดือ มีตกขาวแบบเป็นเมือกขุ่นๆและมีน้ำใสๆออกมาด้วยบางวันไม่มีตกขาวเลยและบางวันมีตกขาวแบบคล้ายๆแป้งเปียก มีโอกาสตั้งครรภ์มั้ยคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ บัณฑิต ไชยจิต,

                       การมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยนั้น จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2%-18%

                         ส่วนการเริ่มทานยาคุมกำเนิดในวันที่ 4 ม.ค. จะไม่สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ผ่านมาได้ อย่างไรก็ตาม หากได้ทานยาจนครบ 21 เม็ด และได้มีประจำเดือนมาในวันที่ 27 ม.ค. แล้ว ก็แสดงว่าไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ และหลังจากที่มีประจำเดือนมาแล้ว หากไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ต่อ ก็ย่อมจะไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ 

                        ดังนั้น หากไม่ได้ทานยาคุมกำเนิดต่อเมื่อทานแผงแรกหมดไปแล้ว การที่ประจำเดือนยังไม่มา อาจเกิดจากรังไข่ยังไม่กลับมาทำงานเป็นปกติ เพราะโดยส่วนใหญ่ หลังจากหยุดทานยาคุม ประจำเดือนก็จะมาภายใน 4-5 สัปดาห์ ซึ่งจะช้ากว่าปกติ ดังนั้น ควรรอประจำเดือนต่อไปอีกซักระยะค่ะ 

                       สำหรับอากรตกขาว หากไม่มีคันหรือแสบช่องคลอด ไม่มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ ก็ไม่ได้ผิดปกติอะไรค่ะ

                       ส่วนการมีชีพจรเต้นตรงหน้าท้อง ก็เกิดจากการเต้นของหลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้องค่ะ เพราะหากเป็นการดิ้นของเด็ก ส่วนใหญ่ต้องมีอายุครรภ์มากกว่า 3-4 เดือนขึ้นไปแล้วจึงจะสัมผัสได้ค่ะ