-
การคัน
-
Jul 08, 2018 at 10:04 PM
กินยาเกี่ยวกับการรักษาโรคหนองใน พอกินได้สองวันก้เกิดอาการคันอวัยวะเพศค่ะ และแสบ บวม แดง แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าอาจจะเกิดจากการทีเราเป็นประจำเดือนด้วยไหม รึว่าเป็นการติดเชื้อรา แต่อาการโรคหนองในเราไม่มีอาการปกติค่ะ แต่แฟนมีอาการ แล้วยารักษาหนองใน รักษาเชื้อราได้ไหมค่ะJul 09, 2018 at 12:46 PM
สวัสดีคะคุณ aom101024
เรียนถามประวัติเพิ่มเติมค่ะ ได้รับการวินิจฉัยโรคจากแพทย์สูตินรีเวชหรือไม่ค่ะ
และมีประวัติแพ้ยาอะไรหรือไม่ค่ะ
ต้องเรียนอย่างนี้ค่ะ เรื่องการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อาจจะต้องเอาหนองไปย้อมดูมีการเจาะเลือดเพื่อตรวจค่ะ
เพราะอาจจะมีเรื่องการติดเชื้อหนองในแท้ หรือ หนองในเทียมซึ่งการรักษาแตกต่างกันในบางจุดค่ะ
โรคหนองใน ที่เข้าใจกันมี สองแบบค่ะ
คือ
-
Gonorrhea
-
shyphilis
ซึ่งทั้งสองโรคเป็นโรคการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ค่ะ แต่ว่าเชื้อคนละตัวกันค่ะ
การรักษาก็จะมีความแตกต่างกันค่ะ
Gonorrhea: เป็นการติดเชื้อที่มีแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae bacteria ทำให้เกิดโรคค่ะ ซึ่งในเพศชายจะมาด้วยเรื่องของมีปัสสาวะเป็นหนองหรือมีหนองไหลออกมาจากท่อทางเดินปัสสาวะค่ะ
อาการเริ่มต้น
-
มีหนองไหลออกมาทางท่อทางเดินปัสสาะหรือช่องคลอด
-
มีอาการปวดคันเวลาปัสสาวะ
-
มีปัญหาเรื่องประจำเดือนมามากและปวด
-
มีอาการปวดที่ลูกอัณฑะ
-
มีอาการปวดเวลาอุจจาระ
-
คันรอบๆ ทวารหนัก
การรักษา
ceftriaxone or cefixime ด้วยการฉีด หรือ ใช้ยา azithromycin chlamydia infection ซึ่งมักจะเกิดร่วมกันนค่ะ
ปกติยากินแนะนำให้กินหลังอาหารหรือพร้อมอาหารค่ะ เนื่องจากอาจจะมีอาการระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ค่ะ
Syphilis เป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ที่มีเชื้อ bacterium Treponema pallidum เป็นตัวก่อโรคค่ะ
อาการจะแบ่งออกมาเป็นสี่ระยะค่ะ
-
primary Syphilis
-
secondary Syphilis
-
latent Syphilis
-
tertiary Syphilis
เริ่มแรกจะมาด้วยเรื่องแผลที่อวัยวะเพศ ซึ่งจะไม่มีอาการปวด คนไข้อาจจะไม่รู้ว่ามีการติดเชื้อ แผลที่เกิดขึ้นมักจะเกิดหลังการติดเชื้อหนึ่งอาทิตย์ค่ะมีผื่นตามตัว
ต่อมาจะเข้าสู่ระยะที่สองถ้าไม่ได้รับการรักษาคือ จะมีการของต่อมน้ำเหลืองโต ร่วมกับไข้ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาการอาจจะเป็นแค่สองสามสัปดาห์
ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะเข้าสู่ระยะที่ไม่มีอาการและถ้ายังไม่ได้รับการรักษาอีกจะเข้าสู่ระยะที่สี่ซึ่งจะเชื้อจะมีผลต่อระบบประสาทและสมอง ตา หัวใจและหลอดเลือด และตับได้ค่ะ ปัญหาอาจจะเกิดตามหลังมาได้เป็นปีถ้าไม่ได้รับการรักษาค่ะ
การตรวจสามารถพบได้ในเลือด หรือ น้ำไขสันหลังค่ะ
การรักษา
penicillin เป็นยาหลักที่ใช้ค่ะ ซึ่งจะต้องได้รับการฉีด อาจจะ หนึ่งครัั้ง หรือ ฉีดต่อกันสามครั้ง ครั้งละหนึ่งเข็มเป็นเวลาสามสัปดาห์
ถ้าไม่สามารถใช้ยาได้ อาจจะพิจารณายา doxycline 100 mg รับประทานหนึ่งเม็ดสองเวลาติดต่อกัน สองสัปดาห์
แนะนำตรวจเลือดซ้ำ สามเดือนหลังการรักษา
และนอกจากนี้อาจจะต้องตรวจเลือดตรวจเรื่องการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่น เช่น ไวรัสตับอักเสบ บี ซึ เอส ไอ วี
ร่วมด้วยค่ะ
แนะนำพบแพทย์ค่ะ
การอักเสบก็อาจจะทำให้อวัยวะเพศมีอาการบวมแดงได้ค่ะ แต่อาการแพ้ยาน่าจะมีปัญหามากกว่านั้นค่ะ อาจจะต้องมีปัญหาเรื่องผื่นทั่วตัวค่ะอย่างไรก็ตามแนะนำพบแพทย์ค่ะ
-
-
-
ถามแพทย์
-
การคัน