ถามแพทย์

  • ปวดตามข้อ ลามไปทั้งขา ไม่มีอาการบวมแดง ทานยาลดอาการปวดก็ดีขึ้น แต่ก็กลับมาปวดอีก เกิดจากอะไร

  •  matzee
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามค่ะ คือแฟนมีอาการปวดตามข้อ จนรามไปทั้งขา1ข้าง รู้สึกร้อนที่ขาแต่ไม่มีอาการบวมแดง เมื่อทานยา arcoxia 60mg.ไปอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่ผ่านไปไม่นานก็กลับมาปวดอีก เดือนนี้เป็นมา2ครั้งแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าอาการแบบนี้เกิดจากอะไรได้บ้างคะ เพราะอยู่ดีๆก็ปวดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุค่ะ ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ matzee,

                    อาการปวดตามข้อ อาจเกิดจาก

                    1. การบาดเจ็บจากการใช้งานที่มากไป การเล่นกีฬาต่างๆ 

                    2. โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จะมีอาการปวดตามข้อเล็กๆ เช่น ข้อนิ้วมือ ข้อมือ ข้อนิ้วเท้า เริ่มแรกจะปวดไม่มาก มักเป็นตอนกลางคืนและเวลาตื่นนอนตอนเช้า พอนานไปจะปวดมากขึ้นและข้อจะบวมขึ้น มีข้อฝืดแข็งซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว ต่อมาจะเริ่มปวดบริเวณข้อที่ใหญ่ขึ้น เช่น ข้อศอก ข้อเข่า ข้อไหล่ และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ต่ำ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เป็นต้น 

                      3. โรคข้อเสื่อม อาการปวดมักเกิดภายหลังการใช้ข้อทำงาน อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ อาจมีลักษณะบวมแดงบริเวณข้อร่วมด้วย หากมีการเสื่อมมากจะทำให้ข้อผิดรูปได้

                       4. จากโรคภูมิแพ้ตนเองต่างๆ นอกจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เช่น โรคพุ่มพวง ชนิด SLE, โรคหนังแข็ง แต่ผู้ป่วยมักจะมีอาการของระบบอื่นๆ ที่ชัดเจนกว่าอาการของการปวดตามข้อ

                      5. อาจเป็นอาการแพ้อย่างหนึ่ง เช่น แพ้ยา แพ้อาหาร แต่มักเป็นหลายๆข้อ และจะหายไปได้เองเมื่อหยุดสิ่งที่แพ้นั้นๆ

                       6. จากการหยุดใช้ยาสเตียรอยด์กะทันหัน อาจทำให้มีอาการปวดข้อคล้ายโรครูมาตอยด์ได้ 

                      ในเบื้องต้น ควรงดการทำงานหนักต่างๆ งดการออกกำลังกายและเล่นกีฬาต่างๆ ใช้การประคบร้อนบริเวณที่ปวด หรือแช่ในน้ำอุ่นและนวดคลึง หากมีอาการปวดมาก อาจทายาหรือทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ไดโลฟีแนค (diclofenac), ไพรอกซิแคม (piroxicam) เป็นต้น ส่วนยา arcoxia หากทานอยู่แล้ว ก็สามารถทานได้ โดยทานวันละ 1 ครั้งเท่านั้น แต่หากอาการปวดไม่ดีขึ้น หรือกลับมาเป็นบ่อยๆ อีก ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาค่ะ