ถามแพทย์

  • ตรวจพบเชื้อ 100ล้านตัว อันตรายไหม กินยานานมั้ย กินอาหารอะไรได้บ้าง

  •  yeeszaa
    สมาชิก
    ผมเคยไปตรวจแล้วพบว่าเป็นพาหนะไวรัสตับอักเสบ บี อยู่หลายปีแล้วแล้วคับ ก็เลยไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันอะไร เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาผมไปติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ เข้าก็ไม่ได้รักษาอะไรมาก คุณหมอบอกว่าเดียวมันก็หายเอง ต่อมา พอรู้สึกว่าหายดีแล้วปัสสวะสีปกติดีแล้ว แต่ยังมีอาการ คลื่นไส้ วิงเวียน ไปตรวจพบว่า เชิ้อไวรัสตับอักเสบ บี เพิ่มขึ้นเห็นคุณหมอ ว่ามีเชื้อ100กว่า ล้านตัว ตอนนี้กินยาต้านอยู่ Baraclude อยากสอบถามว่า เชื้อ 100 กว่าตัวเนี้ยอันตรายมากมั้ยคับ แล้วผมจะต้องกินยานี้อีกนานมั้ยคับ แล้วถ้ากินแล้วเชื้อลดลงในปริมาณที่ควบคุมได้ แล้วจะต้องกินยานี้ตลอดไปมั้ยคับ แล้วควรทานอาหารประเภทไหนที่จะช่วยดูแลรักษาตับบ้างคับ ขอบคุณคับ

     

    สวัสดีค่ะ คุณ Yeeszaa,

     

                      ไม่แน่ใจว่าจำนวนเชื้อไวรัสตับอักเสบบีที่บอกว่าพบ 100 ล้านตัว หมายถึง จำนวน copies per milliliter หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น เมื่อแปลงเป็นหน่วย international unit per milliliter = IU/ml ซึ่งเป็นหน่วยที่ใช้ในปัจจุบันเป็นสากล คุณ Yeeszaa จะมีเชื้ออยู่ประมาณ 20 ล้าน IU/ml ซึ่งเป็นปริมาณที่มาก จำเป็นต้องรักษาด้วยการกินยา เหมือนที่คุณ Yeeszaa กำลังทานอยู่

     

                     สำหรับผลข้างเคียงของยา Baraclude หรือ Entecavir แบบไม่รุนแรงได้แก่ มึนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ซึ่งอาการของคุณ Yeeszaa น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาได้ค่ะ

     

                     ในระหว่างการรักษาผู้ป่วยควรได้รับการตรวจระดับซีรั่ม ALT อย่างน้อยทุก 3 เดือนและ HBeAg/ HBeAb (ในผู้ป่วยที่ HBeAg บวกก่อนเริ่มการรักษา) HBV DNAและ HBsAg อย่างน้อยทุก 6 เดือน

     

                     ผู้ที่ตรวจพบ HBeAg เป็นบวกก่อนเริ่มการรักษา เมื่อรักษาจนเกิด HBe seroconversion (HBeAg เป็นลบและ HBeAb เป็นบวก) ร่วมกับตรวจไม่พบ HBV DNA ในเลือด ให้รับประทานยาต่อไปอีกเป็นเวลานานอย่างน้อย 1 ปี ยกเว้นในผู้ป่วยที่เป็นตับแข็ง ควรให้ยาต่อจนตรวจไม่พบ HBsAg ในเลือดหรือเกิด HBsAg seroconversion

     

                    ผู้ที่ตรวจพบ HBeAg เป็นลบ ก่อนเริ่มการรักษา ให้รับประทานยาจนตรวจไม่พบ HBsAg ในเลือดหรือเกิด HBsAg seroconversion

     

                    ดังนั้นการระยะเวลากินยาของแต่ละคนจะไม่เท่ากันค่ะ และภายหลังสิ้นสุดการรักษา ควรได้รับการตรวจติดตาต่อ ได้แก่ ระดับ ซีรั่ม ALT, HBeAg, HBeAb (ในผู้ป่วยที่ตรวจพบ HBeAg ก่อนเริ่มการรักษา) HBV DNA อย่างน้อยทุก 6 เดือน

     

                     สำหรับอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุก ลดอาหารที่มีไขมันสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ เช่น ถั่วลิสง พริกแห้งที่อาจปนเปื้อนเชื้อรา เนื้อสัตว์ปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม อาหารที่อาจใส่ดินประสิว เช่น ไส้กรอก เบคอน เนื้อเค็ม ปลาเค็ม ของหมักดอง แหนม อาหารสุกๆดิบๆ เช่น ปลาร้า ชนิด รวมถึงยาและอาหารเสริมต่างๆ ก่อนใช้ควรปรึกษาแพทย์ นอกจากนี้ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วยค่ะ ขอให้หายไว ๆนะคะ