ถามแพทย์

  • กินยาคุม แล้วมีคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว เลยหยุดกิน แต่ยังมีปวดหัว วัดไข้ได้ 37.2 องศาเซลเซียส

  •  TayChit Visetsiri
    สมาชิก
    กินยาคุม (เพื่อรักษาสิว) กินได้9วันมีอาการอ้วก คลื่นไส้ ปวดหัว ไปหาหมอให้ยาแก้คลื่นไส้มา หยุดกินยาคุมมาได้5วัน ประจำเดือนมา แต่ยังมีอาการคลื่นไส้ ปวดหัวตอนตื่นเช้า วัดอุณหภูมิช่วงบ่ายๆบางที37.2องศา มีเสมหะเล็กน้อย กลางคืนบางทีหายใจไม่อิ่ม จะเป็นอะไรหรือป่าวค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ TayChit Visetsiri,

                      หากทานยาคุมกำเนิด แล้วมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว ก็อาจเกิดจากผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดได้ และเมื่อหยุดทานยาคุมไป 5 วัน แล้วมีเลือดออกมา ก็ถือว่าปกติดี และแสดงว่า ไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ 

                       อย่างไรก็ตาม เมื่อหยุดทานยาคุมไปแล้ว ยังคงมีอาการคลื่นไส้ ปวดหัวอยู่ ก็ไม่น่าเกิดจากผลของยาคุมกำเนิดอีก และหากวัดอุณหภูมิร่างกายได้ 37.2 องศาเซลเซียส ก็แสดงว่าร่างกายมีไข้ ซึ่งก็ไม่ได้เกิดจากผลของยาคุมกำเนิดแต่อย่างใด รวมถึงอาการมีเสมหะ หายใจไม่อิ่มด้วย โดยอาจเกิดจากกำลังเป็นไข้หวัด หรือไข้ติดเชื้ออื่นๆ ทั้งนี้หากมีประวัติเสี่ยงในการรับเชื้อ covid19 มา เช่น การกลับมาจากต่างประเทศ การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มาจากต่างประเทศ รวมถึงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ เป็นต้น ก็ควรรีบไปยังโรงพยาบาลเพื่อตรวจวินิจฉัยค่ะ แต่หากไม่ได้มีประวัติเสี่ยง ก็ให้สังเกตอาการต่อไปก่อน และดูแลรักษาตามอาการที่เป็นอยู่ เช่น ดื่มน้ำเปล่ามากๆ แต่น้ำต้องไม่เย็น หลีกเลี่ยงการโดนลมหรืออยู่ในที่มีอากาศเย็น พักผ่อนเยอะๆ หากมีไข้ ก็ให้ทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล เป็นต้น หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีฝุ่นละอองมาก หรือสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นทานผักและผลไม้เพื่อช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ หรืออยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น หากอาการไข้ขึ้นสูง มีอาการอื่นๆ เพิ่ม เช่น เจ็บคอมาก กลืนลำบาก ไอมาก หายใจหอบเหนื่อย เป็นต้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ